วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

ไฟร์บวร์กเจ๋ง!บุกดับแฟร้งเฟิร์ตคารัง1-0


ไฟร์บวร์ก โชว์ฟอร์มเจ๋ง เมื่อบุกไปสยบ แฟร้งเฟิร์ต ถึงถิ่น 1-0 ศึกฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมัน เมื่อคืนที่ผ่านมา


ฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมัน
วันศุกร์ที่ 17 กันยายน 2553
แฟร้งเฟิร์ต 1 - 0 ไฟร์บวร์ก


สนาม : คอมแมร์ซบังก์-อารีน่า


มิชาเอล สคิบเบ้ เทรนเนอร์ของ แฟร้งเฟิร์ต ยึดผู้เล่น 11 คนแรกเป็นชุดเดิมจาเกมนัดล่าสุดที่บุกไปถล่ม มึนเช่นกลัดบัค 4-0 ทั้งหมด โดยใช้คู่หน้าอย่าง ฮาลิล อัลตินท็อป กับ ธีโอฟานิส เกคัส เป็นความหวังในการจบสกอร์


ด้านทีมเยือน ไฟร์บวร์ก ของเทรนเนอร์ โรบิน ดุทท์ มีการปรับทัพจากเกมล่าสุดเล็กน้อย ทว่สยังมี ปาปิส เดมบา ซิสเซ่ กองหน้าดาวซัลโวของทีมเป็นตัวชูโรงเช่นเดิม


เปิดฉากเขี่ยลูกเริ่มเกมมาได้ 6 นาที ทีมเยือนเกือบมาได้สกอร์ออกนำอย่างรวดเร็ว จากความไม่เข้าใจกันของแผงหลังเจ้าบ้าน ทำให้ ซิสเซ่ วื่งสอดฉกบอลเข้าไปยิงด้วยขวา ทว่า โอค่า นิโคลอฟ นายด่านเจ้าบ้านพุ่งปัดออกไปได้


อีกสองนาทีต่อมายังเป็น ไฟร์บวร์ก ที่ได้ลุ้นอีก คราวนี้ ซิสเซ่ โยนครอสบอลมาเสาสองให้ เซดริค มาเคียดี้ วอลเลย์บอลกระเด้งพื้น เดือดร้อนให้ นิโคลอฟ ต้องออกแรงตะครุบบอลสองจังหวะถึงจะเอาอยู่


นาที 18 เจ้าบ้านมามีโอกาสลุ้นขึ้นนำจังๆครั้งแรกจากลูกฟรีคิก จอร์จอส ซาเวลลาส โยนครอสเข้ากรอบเขตโทษให้ เกคัส ขึ้นโขกบอลเหินข้ามคานออกไปนิดเดียว


เจ้าบ้านเริ่มตั้งเกมติดครองบอลเปิดเกมบุกเข้าใส่ทีมเยือนได้มาก ขึ้น ถัดมาอีก 6 นาที มาได้เสียวอีกครั้ง จากจังหวะที่ เพอร์มิน ชเวกเลอร์ เก็บตกลูกที่กองหลัง ไฟร์บวร์ก โขกออกมาเข้าทาง ก่อนที่เจ้าตัวจะตั้งป้อมซัดบอลระยะ 19 หลาเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย


เกมผ่านมาครึ่งชั่วโมงพอดี แฟร้งเฟิร์ต มาพลาดการได้ประตูขึ้นนำออกไปอีก จากลูกฟรีคิกที่ ซาเวลลาส คนเดิม บรรจงครอสมาให้ เบนจามิน โคห์เลอร์ ขึ้นโหม่งโล่งๆคนเดียว ทว่า โอลิเวอร์ เบามันน์ ผวาล้มตัวไปตะครุบรับบอลไว้ทัน


จังหวะต่อมาเป็น ไฟร์บวร์ก น่าจะได้ลูกขึ้นนำเช่นกัน มาเคียดี้ แทงบอลทะลุช่องหลุดมาให้ ไฮโค บุทเชอร์ แบ็กซ้ายเติมขึ้นมาอัดบอลเรียดเต็มข้อ บอลพุ่งเฉี่ยวออกเสาสองไปอย่างหวุดหวิด


นาที 40 พาทริค โอ๊คส์ กัปตันทีมเจ้าบ้านเกือบมายิงให้ทีมออกนำ เมื่อตัดสินใจตั้งป้อมซัดไกลเต็มข้อ บอลพุ่งส่ายเป็นจรวด ทว่า เบามันน์ ยังสุดยอดกระโดดปัดบอลออกหลังไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้จบ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0 ทว่ารูปเกมเร้าใจอยู่ตลอด


ครึ่งหลังเทรนเนอร์ของทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น และผ่านมา 5 นาทีของครึ่งหลัง ซาเวลลาซ เติมขึ้นมาเปิดบอลเรียดเข้ากลางมาถึง เกคัส ทว่าเจ้าตัวดันรีบร้อนตวัดยิงตามน้ำทันที ทำให้บอลหลุดออกเสาแรกไปไกล


เกมผ่านมาหนึ่งชั่วโมงพอดี เจ้าบ้านเปลี่ยนตัวคนแรกส่ง คาโย่ ลงมาเล่นแทน อเล็กซานเดอร์ ไมเออร์ ที่หายไปจากเกม และ คาโย่ ก็เกือบมายิงให้ทีมขึ้นนำทันควัน เมื่ออาสาซัดฟรีคิกระยะ 20 หลา บอลพุ่งติดไซด์เข้ากรอบ เดือดร้อนให้ เบามันน์ ต้องตัดสินใจปัดบอลออกหลังไป


เกคัส ที้เกมนี้มีโอกาสเยอะเหลือเกินมาทิ้งโอกาสทองไปอีกครั้ง จากจังหวะที่ โคห์เลอร์ โยนข้ามฟากมาให้เจ้าตัวโหม่งบอลหนีแผงหลังทีมเยือนไปข้างหน้า ก่อนวิ่งตามไปแปบอลโด่งข้ามคานออกไป


นาที 69 ซิสเซ่ โชว์ความขยันลากไปเอาบอลที่ริมเส้น ก่อนตัดสินใจหักบอลกลับเข้ากลางมาหน้าเขตโทษให้ แอนทอน พุทซิโล่ วิ่งเข้ามากดเน้นๆไปติดเซฟของ นิโคลอฟ ที่พุ่งปัดออกหลั
งไปได้อย่างสุด ยอด


สามนาทีต่อมาเป็นทาง พุทซิโล่ ที่จ่ายมาให้ เฟลิกซ์ บาสเตียน เติมขึ้นมาอัดด้วยซ้าย ทว่าบอลก็หลุดออกหลังไปอีก


เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยการเสมอ แต่แล้วทีมเยือนก็มาได้ประตูชัยจนได้ ในนาทีสุดท้าย จากจังหวะที่ ยาซิน อับเดสซาดกี้ หลุดขึ้นไปทางกราบซ้าย ก่อนเปิดเข้ามาให้ ยาน โรเซนทาล แปโล่งเข้าไปเป็นประตูชัยให้ ไฟร์บวร์ก บุกมาเอาชนะ แฟร้งเฟิร์ต 1-0


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

แฟร้งเฟิร์ต :
โอค่า นิโคลอฟ - เซบาสเตียน ยุงก์, ไมค์ ฟรานซ์, มาร์โค รุสส์, จอร์จอส ซาเวลลาซ - พาทริค โอ๊คส์, อเล็กซานเดอร์ ไมเออร์, เพอร์มิน ชเวกเลอร์, เบนจามิน โคห์เลอร์ - ฮาลิล ตินท็อป, ธีโอฟานิส เกคัส

สำรอง :
ราล์ฟ เฟห์รมันน์, คริส, ริคาร์โด้ คล้าร์ก, คาโย่, ซอนนี่ คิทเทิ่ล, มาร์กอส อัลวาเรซ, อูมิต คอร์กมาซ


ไฟร์บวร์ก :
โอลิเวอร์ เบามันน์ - เมนซูร์ มุดซ่า, โอลิเวอร์ บาร์ธ, ไฮโค บุทเชอร์, เฟลิกซ์ บาสเตียน - ยูเลียน ชูสเตอร์, แอนทอน พุทซิโล่ - ยาซิน อับเดสซาดกี้, เซดริค มาเคียดี้, ยาน โรเซนทาล - ปาปิส เดมบา ซิสเซ่

สำรอง :
มานูเอล ซัลซ์, อิวิก้า บาโนวิช, ดาเนียล วิลเลียมส์, โอเมอร์ ท็อปรัค, มักซิมิเลียน นิคู, ดาเนียล คาลิกูรี่, กิโช ยาโนะ


ผู้ตัดสิน :
กุนเทอร์ เพิร์ล

ฮ็อดจ์สันหวังแข้งหลักหงส์ฟิตฉะผี


รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือคนเก่งของ ลิเวอร์พูล หวังตนเองจะคิดถูก ที่ไม่ใช้งานนักเตะตัวหลักหลายรายลงเล่นในเกม ยูโรป้า ลีก นัดถล่ม สเตอัว บูคาเรสต์ ไปแบบขาดลอย 4-1 บอกน่าจะทำให้นักเตะเหล่านั้นได้พักและพร้อมสมบูรณ์เต็มที่สำหรับการลงเล่น ในเกมลีกนัดสำคัญ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายนนี้



กุนซือมือเก๋าวัย 63 ปี หวังเป็นอย่างยิ่งว่า นักเตะอย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส, สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ เกล็น จอห์นสัน จะพร้อมเต็มที่สำหรับเกมลีกช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยกล่าวว่า "ผมเคยทำมาครั้งหนึ่งที่ ฟูแล่ม เมื่อฤดูกาลก่อน เมื่อผมตัดสินใจพักนักเตะทั้งทีม เมื่อตอนที่พวกเราลงเตะกับ ซีเอสเคเอ โซเฟีย โดยใช้ทีมสำรอง"

"จากนั้นพวกเราก็กลับมาพ่าย วูล์ฟส์ และผมก็ไม่คิดว่า พวกเราดูสดมากๆ หรือเล่นได้เฉียบคมเลย แต่คุณก็รู้ว่า คุณไม่อาจที่จะใช้งานนักเตะให้ลงเล่น 3 แมตช์ต่อสัปดาห์ได้ หรือลงเล่นทุกนัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อแมตช์เหล่านั้นต้องเล่นหลังจากเดินทางไปลงเตะให้กับทีมชาติ"

"อย่าลืมนะว่า ตอร์เรส เพิ่งจะกลับมาจากอาร์เจนตินา เมื่อวันพฤหัสบดี เพื่อที่จะลงเล่นในวันอาทิตย์เมื่อสัปดาห์ก่อน คุณจำเป็นต้องตัดสินใจ เมื่อคุณพูดว่า "ผมคิดว่า มันน่าจะเป็นนักเตะรายนี้ที่ต้องพัก และนักเตะรายนี้จะต้องสดชื่นกว่านี้ และเป็นอะไหล่ที่ดีกว่าสำหรับการเล่นในวันอาทิตย์ หากเขาไม่ได้ลงเล่นในเกมวันพฤหัสบดี ตอนนี้ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่ใครจะไปรู้ พวกเราไม่ได้มีพลังจิต และคุณก็จำเป็นต้องตัดสินใจกับสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น แต่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นเช่นนั้นเสมอไป"

พร้อมกันนั้น ฮ็อดจ์สัน ยังได้กล่าวถึงความเชื่อมั่นในการพาทีมบุกไปเยือนถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ของ "ผีแดง" ด้วยว่า "มันเป็นแมตช์ที่ยากอยู่เสมอ แต่มันก็เป็นเกมที่สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมมานานหลายปี ก็ได้แต่หวังว่า มันจะไม่มีอะไรที่แตกต่างออกไปในสุดสัปดาห์นี้ มันไม่มีผลเลยสำหรับผม หรือ (เซอร์) อเล็กซ์ (เฟอร์กูสัน) ที่จะพยายามสร้างกระแสให้เกมนี้ เนื่องจากมันได้ถูกสร้างกระแสไปแล้ว ทุกอย่างที่เราทำได้ก็คือเดินหน้าต่อไป พร้อมกับหวังว่า ทีมของเราจะมีการเตรียมตัวที่ดีในการลงสนาม และนักเตะของเราจะโชว์ผลงานได้ดีด้วย"

"ผลการแข่งขันนับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ นี่กำลังจะเป็นลีกที่ไม่มีความแตกต่าง ทีมระดับกลางๆ ตารางในเวลานี้มีความแตกต่างกันเพียงแค่ 1 หรือ 2 คะแนนเท่านั้น แต่มันก็ยังเป็นระยะทางอีกยาวไกลสำหรับทุกคนในฤดูกาลนี้ ก่อนที่คุณจะกลับมาอยู่ในตำแหน่งที่คุณหวังที่จะทำให้ได้ในช่วงจบฤดูกาล หลายๆ เกมสำคัญผ่านเข้ามาเร็วมากๆ สำหรับเรา ซึ่งไม่ใช่อะไรที่น่าปลื้มเลย แต่ผมก็หวังว่า เราจะแสดงผลงานสุดยอดออกมาได้ คอยดูกันต่อไปก็แล้วกันว่า เกมนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง" อดีตนายใหญ่ "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม กล่าวทิ้งท้าย

ปืนฟอร์มร้อน!เชสจอมทัพชามัค-ชาร์วินโป้ง


"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงเตรียมยกพลบุกรัง ซันเดอร์แลนด์ โดยยังใช้ผู้เล่นหน้าเดิมจากนัดก่อน เกมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนนี้


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วัน เสาร์ที่ 18 กันยายน 2553
ซัน เดอร์แลนด์ (10) - อาร์เซน่อล (2)


สนาม : สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์


สตีฟ บรูซ กุนซือ แมวดำ ต้องปวดหัวกับพฤติกรรมของ ลี แคตเทอร์โมล กองกลางฮาร์ดคอร์ ที่โดนไล่ออกเป็นครั้งที่ 2 ของฤดูกาล ในเกมล่าสุดที่บุกเสมอ วีแกน 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ซึ่งโทษสองใบเหลืองบวกกับถูกไล่ออกเป็นครั้งสอง จะทำให้ติดโทษแบน 2 นัด

แนวรับ จอห์น เมนซาห์ ซึ่งเพิ่งฟิตกลับมาเป็นตัวสำรองเกมที่แล้ว ล่าสุดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าอีกตอนซ้อม ต้องรอทดสอบความฟิต ขณะที่ ไมเคิ่ล เทอร์เนอร์ เซนเตอร์ฮาล์ฟตัวหลัก ยังคงเจ็บข้อเท้า พักต่ออีกหลายสัปดาห์

ข่าวดี คีแรน ริชาร์ดสัน กับ อาห์เหม็ด เอลโมฮามาดี้ ที่บาดเจ็บเล็กน้อยทั้งคู่จากเกมที่ดีดับเบิ้ลยู สเตเดี้ยม คาดว่าจะฟิตลงสนามไม่มีปัญหา แต่พวกที่ยังพักยาวมี เคร็ก กอร์ดอน ประตูมือ 1 (แขนหัก), เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ (เข่า) และ เดวิด เมย์เลอร์ (เข่า)

ระบบการเล่น 4-4-2 สตีฟ มินโยเลต์ ลงเฝ้าเสา แผงหลังประกอบไปด้วย เนดุม โอนูโอฮา, แอนทอน เฟอร์ดินานด์, ไตตัส บรัมเบิ้ล, คีแรน ริชาร์ดสัน แดนกลางมี อาห์เหม็ด เอลโมฮามาดี้, คริสเตียน ริเวรอส, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สตีด มัลบร็องก์

แนวรุกเป็นโอกาสของ กียาน อซาโมอาห์ ดาวยิงคนใหม่ทีมชาติกาน่า ที่ประเดิมตัวสำรองนัดที่แล้ว และประเดิมประตูแรกได้ น่าจะออกสตาร์ตคู่กับ ดาร์เรน เบนท์ ปล่อยให้ แดนนี่ เวลเบ็ค กลับไปนั่งตัวสำรอง

ด้าน อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ ปืนใหญ่ แม้จะเจอปัญหาบาดเจ็บเดิมๆ แต่ก็ยังอุตส่าห์โชว์ฟอร์มพระเอก ไล่ถล่ม บราก้า ทีมโปรตุเกส ในนัดแรก แชมเปี้ยนส์ ลีก 6-0 เชส ฟาเบรกาส กับ คาร์ลอส เวล่า ยิงคนละสอง ที่เหลือได้จาก อังเดร อาร์ชาวิน กับ มารูอาน ชามัค

เวนเกอร์ ยังหมดสิทธิ์ใช้งานหน้าเดิมๆ โธมัส แฟร์มาเล่น (เอ็นร้อยหวาย), อาบู ดิยาบี้ (ข้อเท้า), ธีโอ วัลค็อตต์ (ข้อเท้า), โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (ข้อเท้า), นิคลาส เบนท์เนอร์ (โคนขาหนีบ) และ อารอน แรมซี่ย์ (ขาหัก)

มีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่ กุนซือชาวฝรั่งเศส อาจสลับทีมบ้าง โทมัส โรซิชกี้, คีแรน กิ๊บบ์ส, คาร์ลอส เวล่า, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ และ เดนิลสัน มีโอกาสเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงเหมือนกัน แต่ที่ปรับไม่ได้แน่ๆ คือคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ เซบาสเตียง สกิลลาชี่ ต้องจับคู่ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ต่อไป

ระบบการเล่น 4-4-2 มานูเอล อัลมูเนีย ลงเฝ้าเสา แผงหลังใช้ บาการี่ ซานย่า, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, เซบาสเตียง สกิลลาชี่, กาแอล กลิชี่ แดนกลางมี โทมัส โรซิชกี้, อเล็กซ์ ซง, แจ็ค วิลเชียร์, เชส ฟาเบรกาส คู่หน้า อังเดร อาร์ชาวิน ยืนคู่ มารูอาน ชามัค

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

ซันเดอร์แลนด์ :
สตีฟ มินโยเลต์ - เนดุม โอนูโอฮา, แอนทอน เฟอร์ดินานด์, ไตตัส บรัมเบิ้ล, คีแรน ริชาร์ดสัน - อาห์เหม็ด เอลโมฮามาดี้, คริสเตียน ริเวรอส, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สตีด มัลบร็องก์ - กียาน อซาโมอาห์, ดาร์เรน เบนท์

อาร์เซน่อล :
มานูเอล อัลมูเนีย - บาการี่ ซานย่า, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, เซบาสเตียง สกิลลาชี่, กาแอล กลิชี่ - โทมัส โรซิชกี้, อเล็กซ์ ซง, แจ็ค วิลเชียร์, เชส ฟาเบรกาส - อังเดร อาร์ชาวิน, มารูอาน ชามัค

ผู้ตัดสิน :
ฟิล ดาวด์


ปืนดุ! 13 นัดในลีกแพ้แมวนัดเดียว


อาร์เซน่อล มีผลงานที่ข่ม ซันเดอร์แลนด์ สุดๆ เมื่อ 13 นัดหลังสุดที่ทั้งสองทีมเจอกันเฉพาะในพรีเมียร์ลีก ปืนใหญ่ พ่าย แมวดำ เพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นเกมที่เกิดขึ้นเมื่อฤดูกาลที่แล้วด้วย

นับตั้งแต่ชัยชนะ 1-0 ของ ซันเดอร์แลนด์ เมื่อฤดูกาล 2000-01 หลังจากนั้น อาร์เซน่อล ไม่เคยพ่าย แมวดำ ในพรีเมียร์ลีกอีกเลย จนกระทั่งเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เดอะ แบล็คแคตส์ เฉือนชนะ 1-0 ที่สนาม สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ เหมือนเดิม จากประตูชัยของ ดาร์เรน เบนท์ ในช่วงครึ่งหลัง เป็นชัยชนะนัดเดียวในรอบ 13 นัดที่พบกันในลีก

ส่วนอีก 12 นัดที่เหลือ ปรากฏว่า ปืนใหญ่ เอาชนะไปได้ถึง 8 นัด อีก 4 นัดเสมอกันไป ซึ่ง 2 นัดในจำนวนนั้นเป็นการเสมอทั้งเหย้าและเยือนในฤดูกาล 2008-09


พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
18.45 น. สโต๊ค ซิตี้ - เวสต์แฮม
21.00 น. แอสตัน วิลล่า - โบลตัน
21.00 น. แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส - ฟูแล่ม
21.00 น. เอฟเวอร์ตัน - นิวคาสเซิ่ล
21.00 น. สเปอร์ส - วูล์ฟแฮมป์ตัน
21.00 น. เวสต์บรอมวิช - เบอร์มิงแฮม
23.30 น. ซันเดอร์แลนด์ - อาร์เซน่อล

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

เอเอฟห่วงแผนรับมือแฟนเติร์กเกมคัดยูโร2012


สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน กังวลมาตรรักษาความปลอกภัยของแมตช์รอบคัดเลือก ยูโร 2012 ที่ทัพ "อินทรีเหล็ก" จะต้อนรับการมาเยือนของ ตุรกี ในวันที่ 8 ต.ค.นี้ หลังจากแฟนบอลชาวเติร์กเคยมาก่อเหตุวุ่นวายในเกมกระชับมิตรระหว่าง กาลาตาซาราย กับ เฟเนร์บาห์เช่ ที่จัดแข่งในเมืองเบียร์เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าจะมีแฟนบอลเติร์กเข้าชมการแข่งขันในเกมนี้ประมาณ 30,000 คน โดยส่วนหนึ่งเป็นชาวตุรกีที่ศัยอยู่ในเมืองเบียร์อยู่แล้วกว่า 2.5 ล้านคน รวมกับกลุ่มแฟนบอลที่จะเดินทางมาสมทบจากบ้านเกิด แม้สหพันธ์ลูกหนังแดนไก่งวงจะได้รับโควตาตั๋วเพียงแค่ 11,500 ใบก็ตาม


โว ล์ฟกัง เนียร์สบัค เลขาธิการทั่วไป เดเอฟเอ เผยกับ "บิลด์" นิตยสารกีฬารายสัปดาห์ของเยอรมัน ว่า "แมตช์นี้จัดยากยิ่งกว่านัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเสียอีก เราหวังว่าแฟนบอลทั้ง 2 ฝ่ายจะให้เกียรติซึ่งกันและกัน แค่เราก็รู้เช่นกันว่าอารมณ์ของแฟนบอลชาวตุรกีอาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายได้ ทุกเมื่อเหมือนอย่างเช่นในเกมกระชับมิตรระหว่าง กาลาตาซาราย กับ เฟเนร์บาห์เช่ ในเมืองมึนเช่นกลัดบัค เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา"

สำหรับ เยอรมัน รั้งอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงของกลุ่ม เอ ของรอบคัดเลือกศึก ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2012 โดยเก็บได้ 6 คะแนน จากการลงสนาม 2 นัด เท่ากับ ตุรกี แต่มีประตูได้เสียที่ดีกว่า

ลือ!ฝอยทองอยากได้มูคุมทัพคัดยูโร2012


สมาคมลูกหนังโปรตุเกส ตกเป็นข่าวอยากได้ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือเรอัล มาดริด มาคุมทีมสู้ศึกยูโร 2012 รอบคัดเลือกกับ เดนมาร์ก และ ไอซ์แลนด์ เดือนตุลาคมนี้ เผย กิลแบร์โต้ มาดาอิล ปธ.ฟุตบอล "ฝอยทอง" เดินทางไปแดนกระทิงดุเพื่อเจรจากับเจ้าตัวและ "ราชันชุดขาว" แล้ว



"ฝอยทอง" เพิ่งประกาศปลด คาร์ลอส เคยรอช เทรนเนอร์คนเก่าออกจากตำแหน่งไปเมื่อต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา หลังเจ้าตัวโดนแบนยาว 6 เดือน โทษฐานที่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวใส่เจ้าหน้าที่ตรวจโด๊ปของประเทศ ในช่วงก่อนลุยศึกฟุตบอลโลก 2010 ครั้งที่ผ่านมา และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ตัวกุนซือคนใหม่มาทำหน้าที่แทนแต่อย่างใด

ทั้ง นี้ ในศึกยูโร 2012 รับคัดเลือก กลุ่ม เอช 2 นัดที่ผ่านมา โปรตุเกส ทำได้แค่เปิดบ้านเสมอกับ ไซปรัส 4-4 ในวันศุกร์ที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา และบุกไปพ่าย นอร์เวย์ 0-1 ในวันอังคารที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา

นิโก้รับท่าดีใจในชปล.ประชดตราไก่


นิโกล่าส์ อเนลก้า หัวหอก เชลซี เผยทำท่าดีใจด้วยการไขว้ข้อมือ หลังยิงในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่บุกชนะ เอ็มเอสเค ซิลิน่า 4-1 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อประชดสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสที่สั่งแบนตนจากการรับใช้ชาติ 18 เกมจากข้อหาเป็นตัวการสร้างความวุ่นวายภายในแคมป์ "เลส์ เบลอส์" ระหว่างร่วมศึกฟุตบอลโลก 2010 เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ระบุเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฟุตบอลโลกเป็นอดีตไปแล้ว และขอทุ่มเทสมาธิให้กับ "สิงห์บลูส์" เพียงอย่างเดียวเท่านั้น



ดาว ยิงวัย 31 ปี กล่าวว่า "ผมแค่ต้องการส่งสัญญาณบางอย่างไปให้กับสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสเกี่ยวกับสิ่ง ที่เกิดขึ้นที่ฟุตบอลโลก สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงซัมเมอร์มันเป็นอดีตไปแล้ว และตอนนี้ผมทุ่มเทสมาธิ 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเล่นให้กับ เชลซี"

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

เบนฟิก้าขู่ถอนลีกคัพประท้วงเปาเอียง



เบนฟิก้า สุดทน ต้องเสียเปรียบจากการเป่านกหวีดของกรรมการหลายต่อหลายเกมติดต่อกัน ลั่นพร้อมบอยคอต ไม่ลงบรรเลงเพลงแข้ง โปรตุกีส ลีก คัพ ในซีซั่นนี้ หลัง "เหยี่ยวลิสบอน" แพ้ไปแล้ว 3 จาก 4 เกม ในซีซั่นใหม่ พร้อมวางแผนประท้วงต่อ ด้วยการไม่ให้แฟนบอลเดินทางไปเชียร์ทีมรัก ยามลงสนามเป็นทีมเยือน หากยังโดนรังแกต่อไป


เบนฟิก้า ยอดทีมในลีกสูงสุดโปรตุเกส ออกโรงขู่ ไม่ลงสนามแข่งขันรายการ โปรตุกีส ลีก คัพ ภายในประเทศ เพื่อเป็นการประท้วงการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน ที่ผิดพลาดหลายต่อหลายครั้ง จนทำให้ทีมแพ้ไปแล้ว 3 เกม จากการลงสนาม 4 แมตช์แรกในฤดูกาลนี้ ส่งผลทำให้ไล่ตามหลัง เอฟซี ปอร์โต้ คู่อริสำคัญ ห่างไกลถึง 9 คะแนนเข้าไปแล้ว

"เหยี่ยวลิสบอน" รู้สึกว่า การทำหน้าที่ของกรรมการหลายต่อหลายครั้ง ส่งผลโดยตรงต่อสถานการณ์ยากลำบากของทีมในเวลานี้ และระหว่างการเรียกประชุมด่วน เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา บอร์ดบริหารได้บอกกล่าวไปยังบรรดาแฟนบอล ไม่ให้เดินทางไปชมเกมนัดเยือน รวมถึงกำลังพิจารณาบอยคอต ไม่ลงแข่งขันในรายการ ลีก คัพ อีกด้วย

ทีมดังจากกรุงลิสบอน ต้องการได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม และเชื่อว่า ลีกแดนฝอยทองขาดหลักการพื้นฐาน ซึ่งรับประกันได้ว่า จะเป็นลีกลูกหนังที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นมืออาชีพอย่างเต็มเปี่ยม และแม้ว่าจะมีกรรมการที่มีความสามารถเพียงพอต่อการลงเป่าห้ามทัพพ่อค้าแข้ง กระนั้นโชคไม่ดีที่มีท่านเปาบางราย ที่ทำให้มาตรฐานของผู้ตัดสินลดต่ำลง

รุยซ์ นาซาเรธ ประธานในที่ประชุมใหญ่ของ เบนฟิก้า เปิดเผยว่า "เมื่อมองจากหลักฐานของความผิดพลาดมากมายภายในระยะเวลาอันสั้นนั้น ความหวังอันแรงกล้าในการคว้าแชมป์ลีก ยังไม่ได้หมดไป แต่ทว่ามันยากเย็นแสนเข็ญเสียแล้ว พวกเราไม่อาจยอมรับได้แม้แต่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาในช่วงเริ่มต้นของฤดู กาล และไม่ขอยอมรับอย่างแท้จริง"

ป๋าเครียดวาเลนเซียเจ็บหนักเกมเสมอเรนเจอร์ส


เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปวดขมับ หลัง อันโตนิโอ วาเลนเซีย ปีกทีมชาติเอกวาดอร์ ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า ในเกมเสมอ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส แบบไร้สกอร์ ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่ม ซี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา งานนี้อาจส่งผลให้นักเตะพักไปอีกนานเลยทีเดียว


เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับ ตอนนี้รู้สึกกังวลใจว่า อันโตนิโอ วาเลนเซีย ปีกตัวเก่ง อาจจะมีปัญหากระดูกข้อเท้าเคลื่อนหรือแตก ในเกมเสมอ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส 0-0 ที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ซี นัดแรก เมื่อวันอังคารที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา

ปีกทีมชาติเอกวาดอร์ ต้องโดนหามออกจากสนาม พร้อมกับต้องสวมหน้ากากออกซิเจน ในนาทีที่ 63 หลังโดน เคิร์ก บอร์ดฟุต เสียบหนักที่ข้อเท้า และ เซอร์เฟอร์กี้ ต้องส่ง ไรอัน กิ๊กส์ มิดฟิลด์วัยดึก ลงมาลากเลื้อยทางริมเส้นแทน

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้บรมกุนซือ "ผีแดง" ยอมรับว่า กังวลใจกับอาการบาดเจ็บของดาวเตะวัย 25 ปีอย่างมาก และตอนนี้ก็ต้องรีบส่งตัว วาเลนเซีย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที "เขาถูกนำตัวไปที่โรงพยาบาลแล้ว มันดูเหมือนกับว่า จะเป็นอาการเคลื่อนหรือแตกที่ข้อเท้าก็ได้ ซึ่งเป็นข่าวร้ายจริงๆ งานนี้คงจะทำให้เขาหมดสิทธิ์ลงสนามอีกนานแน่นอน"

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

ทฤษฎีสัมพัทธภาพ ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์


ทฤษฎีสัมพัทธภาพ ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นกลุ่มของทฤษฎีทางฟิสิกส์ 2 ทฤษฎี คือ ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษและทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ทฤษฎีทั้งสองนี้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อใช้อธิบายข้อเท็จจริงที่ว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นไม่ได้ประพฤติตนตามกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่โดยไม่ขึ้นกับการเคลื่อนที่ของผู้สังเกต แนวคิดหลักของทั้ง 2 ทฤษฎีนี้ คือ แม้ผู้สังเกตสองคนที่กำลังเคลื่อนที่สัมพัทธ์กันนั้นอาจจะตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงของเวลาและตำแหน่งได้ต่างกันสำหรับเหตุการณ์หนึ่งๆ แต่ทั้งสองจะยังคงสังเกตเห็นเนื้อหาของกฎทางฟิสิกส์ที่เหมือนกัน

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

วิธีการหัดร้องเพลงด้วยตนเอง




วิธีการฝึกร้องเพลงที่ถูกต้อง



จากเคล็ดของ อ.ดุษฎี พนมยงค์ บุญทัศนกุล ผู้มีข้อแนะนำวิธีการฝึกร้องเพลงด้วยตนเองง่ายๆดังนี้



1. ฝึกการหายใจประกอบการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ


ขั้นตอนการปฏิบัติมีดังนี้


- ยืนตรง สองเท้าห่างกันเท่าความกว้างของหัวไหล่

- เหยียดแขนที่ประสานกันขึ้นเหนือศีรษะ หงายมือขึ้น
...พยายามเหยียดแขนขึ้นให้สุด ให้แขนทั้สองข้างตึง

- หายใจเข้าช้าๆอาจนับ 1 2 3 พร้อมกับเขย่งเท้าขึ้นช้าๆด้วย

- กลั้นหายใจไว้ชั่วขณะในสภาพเขย่งเท้า

- ค่อยๆผ่อนลมหายใจออกยาวๆนับ 1 2 3 4 5 6
ช้าๆพร้อมกับวางมือข้างตัวอย่างช้าๆ ขณะที่วางส้นเท้าลงกับพื้น
แบบฝึกหัดนี้ ปฏิบัติทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง





2. ฝึกการเปล่งเสียงประกอบการหายใจ



- หายใจเข้าช้าๆ สบาย นับ 1 2 3 ช้าๆไว้ในใจ

- ค่อยๆผ่อนลมหายใจออกทางจมูก โดยหุบปากเปล่งเสียง "ฮึ่ม!"
(เหมือนเสียงบ่นพึมพัมเวลาคนที่บ้านทำอไรไม่ถูกใจเรา)

- หายใจเข้าช้าๆอีก

- คราวนี้จากเสียง "ฮึ่ม" สั้นๆเปลี่ยนเป็น "ฮึ่ม"
ยาวๆพร้อมผ่อนลมหายใจออก นับ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ครบแล้ว จึงหยุดเสียง "ฮึม" ปฏิบัติซ้ำซากอย่างนี้วันละไม่ต่ำกว่า 8 ครั้ง





3. ฝึกการร้องให้ถูกต้องตามทำนองและจังหวะ

- หาเพลงที่ท่านชอบมาฟังหลายๆเที่ยว

- ลองฮัมตามทำนองเพลงให้ถูกทั้งทำนองและจังหวัด

- ร้องด้วยคำว่า "ลา....." ตามความสูงต่ำของเสียงเพลงตลอดทั้งเพลง





4. ฝึกการท่องจำเนื้อเพลงให้แม่นยำ


- นำเพลงบทนั้นมาอ่านเนื้อร้องให้คล่อง


- พยายามออกเสียง พยัญชนะ อักขระ และตัวสะกดต่างๆให้ถุกต้องและถูกวรรคตอน

- เมื่อแน่ใจแล้วก็ลองร้องทั้งเพลง


- ใส่อารมณ์ความรู้สึกตามเนื้อเพลงนั้นๆ

เพลง Better man - Robbie Williams

วิธีทำซูชิ



เครื่องปรุง

ข้าวญี่ปุ่น (ล้างน้ำสะอาดและสะเด็ดน้ำ)

200 กรัม (1 ถ้วย)

น้ำเปล่า

300 มล.

น้ำส้มสายชูข้าวญี่ปุ่น

120 มล.

น้ำตาล

1/2 ช้อนโต๊ะ

เกลือ

1/2 ช้อนชา


วิธีทำ
1. ผสมข้าวกับน้ำเปล่า 300 มล. ลงในหม้อและแช่ค้างไว้ประมาณ 30 นาที
2. ปิดฝาหม้อ นำข้าวและน้ำเปล่าไปต้มใช้ไฟปานกลาง จากนั้น ลดความร้อนลงจนเหลือไฟอ่อนมาก ต้มต่อไป 15 นาที ปิดความร้อนและปล่อยพักไว้ก่อน ปิดฝาให้แน่นอีกประมาณ 15 นาที ในขณะเดียวกัน คนน้ำส้มสายชู น้ำตาลและเกลือเข้าด้วยกันใช้ไฟอ่อน (หรือ ใช้ไมโครเวฟก็ได้) รอจนกระทั่งน้ำตาลละลาย

3. นำข้าวที่สุกแล้ววางบนถาด โรยด้วยน้ำส้มสายชู ค่อยๆราดให้ทั่ว คนเบาๆด้วยไม้พายข้าว ระวังอย่าให้ข้าวเหลวจนเกินไป ค่อยๆคนพลิกไปมาเบาๆให้ส่วนผสมเข้ากันดี ทำขั้นตอนนี้หน้าพัดลม หรือให้คนช่วยพัดขณะคน เพื่อให้ข้าวเย็นเร็วขึ้น (หากข้าวเย็นช้าอาจกลายเป็นข้าวต้มได้) คุณอาจไม่ต้องใช้น้ำส้มสายชูจนหมด ชิมข้าวก่อนปรุงเพิ่มก็ได้ เมื่อข้าวเย็นดีแล้วให้หยุดคน

คำแนะนำ
ซูเปอร์มาร์เกตบางแห่งมีจำหน่ายน้ำส้มสายชูทานพร้อมซูชิตามเทศกาล แต่เตือนไว้ก่อนว่า มันมักจะมีผงชูรส (MSG) และสารแต่งกลิ่น เพิ่มอื่นๆ

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพคืออะไร




คือ การออกกำลังกายเพื่อเพิ่ม หรือคงไว้ซึ่งความทนทานของระบบไหลเวียน
โลหิตและปอด โดยมีขบวนการใช้ออกซิเจน ในขบวนการเผาผลาญ เพื่อให้
เกิดพลังงานสำหรับการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง จึงมีชื่อเรียกการออก
กำลังกายชนิดนี้ว่า AEROBIC EXERCISE

ประโยชน์ต่อสุขภาพ
1. ระบบไหลเวียนโลหิต
1
.1 ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงมากขึ้น สามารถสูบฉีดโลหิตได้ปริมาณ
มากขึ้น
1.2 เพิ่มหลอดโลหิตฝอยมาเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจมากขึ้น
1.3 ลดอัตราการเต้นของหัวใจ ทั้งในขณะพัก และออกกำลังกาย ทำให้ไม่
เหนื่อยง่าย
1.4 ลดแรงต้านทานส่วนปลายของหลอดโลหิตฝอยทำให้ความดันโลหิตลดลง
ทั้งขณะพัก และออกกำลังกายลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิต
สูง

2. ระบบหายใจ
2.1 ความจุปอดเพิ่มขึ้น ทำให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนมากขึ้น
2.2 เพิ่มปริมาณโลหิตไปสู่ปอด ทำให้การไหลเวียนของปอดดีขึ้น
2.3 เพิ่มประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนก๊าซที่ปอด ทำให้ประสิทธิภาพการ
หายใจดีขึ้น


3. ระบบชีวเคมีในเลือด
3.1 ลดปริมาณคอเลสเตอรอล (Cholesterol) และไตรกลีเซอไรด์
(Triglyceride) จึงลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และ
โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน
3.2 เพิ่ม HDL Cholesterol ซึ่งช่วยลดการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
3.3 ลดน้ำตาลส่วนเกินในเลือด เป็นการช่วยป้องกันโรคเบาหวาน

4. ระบบประสาทและจิตใจ
4.1 ลดความวิตกกังวลและคลายความเครียด
4.2 มีความสุขและรู้สึกสบายใจจากสาร Endorphin ที่หลั่งออกมาจาก
สมองขณะออกกำลังกาย

ขั้นตอนและหลักในการ ปฏิบัติ
ถ้ามีอายุมากกว่า 35 ปี ควรตรวจสุขภาพ ว่ามีโรคหัวใจหรือไม่ก่อน
การออกกำลังกายชนิดนี้ ควรรู้วิธีเหยียดและยืดกล้ามเนื้อ รวมทั้งอุ่นเครื่อง
(Warm up) และเบาเครื่อง (Cool down) หลักในการปฏิบัติ เป็นการใช้
กล้ามเนื้อมัดใหญ่อย่างน้อย 1 ใน 6 ส่วนของร่างกาย ออกกำลังอย่างสม่ำ
เสมอ

คำ ศัพท์
Frequency (F) หมายถึงความถี่ในการออกกำลังกายใน 1 สัปดาห์ อย่าง
น้อย 3 วัน อย่างมาก 6 วัน
Intensity (I) หมายถึงความหนักในการออกกำลังกาย ใช้อัตราการเต้น
ของชีพจรเป็นเกณฑ์ ให้ได้ประมาณระหว่างร้อยละ 70-90 ของอัตราเต้น
สูงสุดของหัวใจ ซึ่งสามารถคำนวนได้จากการนำอายุไปลบออกจากเลข 220
ตัวอย่างเช่น ชายอายุ 20 ปี จะใช้ความหนักในการออกกำลังกายชนิดนี้เท่า
ใด
คำตอบคือ (220-20)x 70 ถึง 90 หาร 100 เท่ากับ 140 ถึง 180 ครั้งต่อนาที
Time (T) หมายถึง ช่วงเวลาในการออกกำลังกายในแต่ละวัน อย่างน้อย
10-15 นาที ใน 6 วัน อย่างมาก 30-45 นาทีใน 3 วัน

รูป แบบการออกกำลังกาย
มีหลากหลายชนิดเช่น วิ่งเหยาะ, เดินเร็ว, ขี่จักรยาน, ว่ายน้ำ, เต้นแอโรบิค,
ฟุตบอล, บาสเก็ตบอล, เทนนิส, แบดมินตัน, ตระกร้อข้ามตาข่าย, วอลเลย์
บอล เป็นต้น

ข้อ ควรระวัง
ควรงดการออกกำลังกาย ในขณะเจ็บป่วย มีไข้ พักผ่อนไม่พอควรออกกำลัง
กายก่อนอาหารหรือหลังอาหารหนักผ่านไป 3-4 ชั่วโมง และดื่มน้ำอย่างเพียง
พอ ควรหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ร้อนจัด หนาวจัด ฝนฟ้าคะนอง มลภาวะมาก
สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสมควรพักหากมีอาการแน่นหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน
และไปพบแพทย์

กินอาหารบำรุงผิว เพื่อสุขภาพที่ดีของผิว




อาหารผิวนับว่ามีส่วนสำคัญ ในการเป็นตัวบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งและสดใสเพื่อให้มีสุขภาพผิวที่ดีๆ โดยสำหรับอาหารที่ทำลายความสดใสของผิวพรรณอย่างแรกก็คือ ไขมันอิ่มตัวในอาหารจำพวกเบคอน ไส้กรอก ไอศกรีม เนยสด โดยในการเผาผลาญอาหารเหล่านี้ จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์ของร่างกายเหี่ยวย่น และเสื่อมโทรมลง

และหากเป็นอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมากเกิน ไป ก็ไม่ดีเช่นกัน เพราะจะไปขัดขวางกระบวนการสร้างคอลลาเจนซึ่ง เป็นสารที่ทำให้ผิวตึงกระชับ ดังนั้นหากกินมากไปส่งผลให้ผิวหนังหย่อนยานก่อนวัยได้นะ

กาแฟที่เรามักจะดื่มกันตอนเช้าๆ วันละแก้วสองแก้วนี่ก็ทำลา ยผิวเราได้เหมือนกัน เพราะคาเฟอีนจะเป็นตัวดึงความชุ่มชื้นจากผิวเราออกไป และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลายก็เช่นกัน ดังนั้นหากดื่มสองสิ่งนี้เข้าไปเมื่อไร ก็อย่าลืมดื่มน้ำแก้วโตๆ ตามเข้าไป เพื่อป้องกันผิวไม่ให้ขาดความชุ่มชื้น

ส่วนใครที่อยากผิวดีจากอาหารการกินก็ไม่ยาก เพียงแต่กินอาหารจำพวก เนื้อปลา ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยมที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย น้ำมันมะกอกซึ่งมีกรดไขมันชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และเต็มไปด้วยวิตามินเอและอีก็ช่วยให้ผิวสวยได้ ส่วนธัญพืชต่างๆ ก็ให้วิตามินอีซึ่งช่วยรักษาความแข็งแรงของเซลล์ ที่ขาดไม่ได้คือผักสดผลไม้สด รวมทั้งน้ำสะอาดวันละ 6-8 แก้วด้วย เท่านี้ผิวก็สวยได้แล้ว

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ประวัติผู้นำสหรัฐอเมริกา นายบารัค โอบามา



ประวัติ ของ นาย บารัค โอบามา Barack Obama ประธานาธิบดีสหรัฐคนล่าสุด

บารัค โอบามา (Barack Obama)
ชื่อเต็ม : บารัค ฮุสเซน โอบามา ( Barack Hussein Obama)
วันเดือนปีเกิด : 4 สิงหาคม พ.ศ. 2504
สถานที่เกิด : มลรัฐฮาวาย ประเทสสหรัฐอเมริกา
การศึกษา : มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย, มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด

นายบารัค โอบามา เป็นหนุ่มลูกครึ่งอเมริกันกับเคนยา เกิดที่มลรัฐฮาวาย หลังจากที่บิดาของเขาคือ Barack Obama, Sr. นักศึกษาต่างแดนจากเคนยาที่ทิ้งครอบครัวมาศึกษาต่อ ในอเมริกา และมาพบรักกับ Ann Dunham นักศึกษาสาวจากแคนซัส ที่มหาวิทยาลัยฮาวาย แต่รักในวัยเรียนดำเนินไปได้ไม่นาน เมื่อโอบามาน้อยลืมตาดูโลกได้เพียง 2 ปี พวกเขาก็แยกทางกัน โอบามาน้อยยังคงอยู่กับมารดาในอเมริกา ส่วนบิดาของเขากลับไป ทำงานที่เคนยา และแต่งงานใหม่กับหญิงอเมริกันในเคนยา เป็นการเริ่มต้นครอบครัวครั้งที่ 3 แต่ก็ไปกันได้ไม่นาน จากความทุกข์ หลายๆ ด้านประดังเข้ามา ทำให้บิดาของเขา เริ่มหันมา "ดื่ม" เพื่อลืมปัญหา

ทาง ด้านมารดาของเขา หลังจากเลิกรากับบิดาของโอบามา เธอแต่งงานใหม่ กับ Lolo Soetoro นักศึกษาชาวอินโดนีเซีย และมีบุตรสาวหนึ่งคนชื่อ Maya เมื่อโอบามา อายุ 6 ปี มารดาของเขากับครอบครัวใหม่ได้ย้ายไปอยู่ ณ เมืองจาการ์ตาในอินโดนีเซีย ที่ที่เขาเริ่มต้นชีวิตวัยเรียนครั้งแรกในต่างแดน จนกระทั่งอายุครบ 10 ปี เขาถูกส่งกลับมาอยู่กับตากับยายของเขาที่ฮาวาย จนกระทั่งจบเกรด 5

บิดา ผู้ให้กำเนิดโอบามาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในขณะที่โอบามาน้อยกลายเป็นหนุ่มวัย 21 ปี และอีก 13 ปี ต่อมา เขาสูญเสียมารดาที่จากไปด้วยโรคมะเร็งในรังไข่ เพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่เขาเขียนหนังสือไว้อาลัยให้กับบิดาของเขา โดยใช้ชื่อเรื่องว่า "ความฝันจากพ่อของฉัน" หรือ "Dreams from My Father" ซึ่ง ต่อมาเป็นหนังสือขายดีมาก และทำให้หลายคนชื่นชอบในตัวเขา จากแง่คิดในหนังสือเรื่องนี้ ในหนังสือเขาบรรยายถึงความรู้สึกในวัยเด็กของเขาที่มีปมด้อย มีความสับสนในที่มาและที่ไปของเขา เขาเติบโตท่ามกลางสองสีผิว ดังข้อความที่เขากล่าวไว้ในหนังสือเล่มนั้นว่า "พ่อของฉันไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวฉันเลย ท่าน ตัวดำอย่างกับยางมะตอย แม่ของฉันก็ขาวอย่างกับน้ำนม"

ในวัยรุ่น โอบามารู้สึกแปลกแยกมากในสังคม เขาเปิดอกในหนังสือว่า เขาต้องหัน ไปพึ่งของมึนเมาและยาเสพติด ไล่มาตั้งแต่ เหล้า กัญชา และโคเคน เพื่อทำให้ลืมว่าเขาเป็นใคร... โอบามาเติบโตมาท่ามกลางความหลากหลายในความคิดเรื่องศาสนา... จากพ่อผู้ให้กำเนิดชาวมุสลิมที่มีความเชื่อว่า พระเจ้าไม่มีอยู่จริง จากแม่ที่มาจากครอบครัว ที่ไม่ยึดถือศาสนาใด และพ่อเลี้ยงชาวอินโด นีเซียที่ไม่เห็นว่าศาสนามีความสำคัญมากนักในการดำเนินชีวิต... เขาจึงต้องพยายามแสวงหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจด้วยตนเอง จนกระทั่งเขาลงเอยที่เป็นสมาชิกของโบสถ์ Trinity สังกัด United Church of Christ ที่ไม่ปิดกั้นการคิดเชิงวิจารณ์ (Critical Thinking) พร้อมทั้งไม่ขัดขวางการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และเท่าเทียมกันทางสังคมและเศรษฐกิจ


แม้ ว่าชีวิตในวัยเยาว์ของโอบามาจะ ไม่เป็นสุขมากนัก แต่เขาสามารถสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบียที่มีชื่อเสียง หลังจากเรียนจบเขาเข้าร่วมงานกับองค์กรไม่แสวงหากำไร โดยเป็นที่ปรึกษาโครงการฝึกอาชีพให้แก่โบสถ์แห่งหนึ่งในชิคาโก เมื่อเขาอายุได้ 27 ปี เขาศึกษาต่อที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในปีเดียวกันนั้นเขาพบรักกับ Michelle Robinson นิติกรสาวผิวดำจากบริษัทกฎหมาย Sidley & Austin ในชิคาโกที่เขาเคยร่วมงาน ขณะศึกษาอยู่ได้ 2 ปี เขาเป็นคนผิวดำคนแรกที่ได้รับเลือกเป็นประธานของ Harvard Law Review ในรอบ กว่าศตวรรษ จากนั้นเมื่อเขาสำเร็จนิติศาสตร์ ในปี 1991 เขามารับหน้าที่เป็นที่นิติกรสมทบ ให้บริษัทที่ปรึกษากฎหมาย Miner, Barnhill & Galland ในชิคาโก และสมรสกับ Michelle ในปีต่อมา และมีบุตรสาวด้วยกัน 2 คน คือ Malia และ Natasha จากนั้นเขาย้ายครอบครัวมาอยู่ที่เมือง Hyde Park ในชิคาโก ขณะเดียวกันเขาเริ่มงานสอนหนังสือวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยชิคาโกจนถึงปี 2004

ในปี 2004 นี้ เองเป็นปีที่ชื่อของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการเมืองของสหรัฐฯ จากการได้รับเลือกเป็นตัวแทนวุฒิสมาชิกในสภาสูงจากรัฐอิลลินอยส์และเขาได้ ร่วมกล่าวสุนทรพจน์ในงานประชุมพรรคเดโมแครตประจำปี ซึ่งสุนทรพจน์ของเขาในครั้งนั้นโดนใจชาวเดโมแครตหลายคน รวมทั้ง สื่อมวลชนด้วย เรียกได้ว่าเขาเป็นนักการเมือง หนุ่มหน้าใหม่ที่มาแรงในยุคนี้ ด้วยประวัติทาง การเมืองยังค่อนข้างใสสะอาด ยังไม่มีผลงาน ที่ติดลบ เพราะยังมีผลงานไม่มากนัก แต่ด้วย ความที่เป็นคนที่มีวาทศิลป์ยอดเยี่ยม ผนวกกับมาดปัญญาชน สุขุม ลุ่มลึก และติดดินอยู่ในที สามารถเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม ตั้งแต่นักการเมืองผู้หนาประสบการณ์ พนักงานบริษัทไปจนถึงเกษตรกร อีกทั้งสตรี เด็ก และคนชรา อย่างไรก็ดี มีนักวิเคราะห์การเมืองอย่าง Robert Putnum แห่งมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด มีความเห็นว่า โอบามาจืดไปสำหรับ การเมือง เทียบไม่ได้กับบิล คลินตัน...บารมีและวาสนาของบารัก โอบามา จะไปถึงขั้นเป็นผู้นำของประเทศนั้น ยังไม่มีใครตอบได้

ต้อง ยอมรับ ว่าในส่วนวงการบันเทิงนั้นเรื่องสีผิว ค่อนข้างเท่าเทียมแล้ว แต่ยังมีความพยายามพลักดันให้ประเด็นลดการเหยียดผิวไปพิสูจน์ตัวเองในระดับ ชาติ นั่นเอง โอบามาจึงได้รับอนิสงค์จากประเด็นนี้ไปอย่างเต็มๆ อย่างการโดดมาช่วยโอบามาหาเสีย ของ โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรผิวสีรายการทอล์กโชว์ชื่อดังที่เป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของสหรัฐ ทำให้ฐานเสียงโอบามาแน่นขึ้น และโกยคะแนนเป็นกอบเป็นกำ

ล่าสุดนี้ อย่างที่เรารู้กัน จากข่าว โอบามาเสนอตัวเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ปี 2008 โดย ได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง และกลุ่มชาวอเมริกันผิวดำ ในการคอคัสรอบแรกที่จัดขึ้นในรัฐไอโอวา เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2551 เขาได้รับคะแนนนิยม 38% เหนือนายจอห์น เอ็ดเวิร์ดส (30%) และนางฮิลลารี คลินตัน (29%) อย่างพลิกความคาดหมาย

เปิดม่านละครเวที กินรีสีรุ้ง



กรุงเทพฯ 17 มิ.ย.- ในที่สุดละครเวที “กินรีสีรุ้ง” เปิดม่านการแสดงอย่างเป็นทางการ คนในวงการบันเทิงตบเท้าไปดูคุณเจมส์แต๋วแตกกันเต็มที่

เปิดม่านให้ทุกคนได้ชมกันแล้ว สำหรับละครเวที กินรีสีรุ้ง ที่ได้หนุ่มเจมส์ เรืองศักดิ์ มารับบทนางโชว์ตัวแม่ ร่วมด้วย กบ ทรงสิทธิ์ และนักแสดงอีกมากมาย งานนี้ทำเอาคนในวงการต่างตื่นเต้นกันยกใหญ่ ที่จะได้มาพิสูจน์ว่าการพลิกบทจากผู้ชายหล่อล่ำของหนุ่มเจมส์ เพื่อมาเป็นนางโชว์นั้นเด็ดขนาดไหน

เจ๋งไม่เจ๋งทำให้ครอบครัวเปล่งพานิช ทั้ง พ่อนก ฉัตรชัย แม่นก สินจัย และน้องกัน ลูกชายสุดที่รัก รีบเคลียร์คิวมาดูแบบไม่ยอมพลาดเลยทีเดียว

กระแสตอบรับดีขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเจ้าพ่อละครเวที บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ จะใจดีเปิดกินรีสีรุ้งรอบ 2 ให้คอละครตัวจริง ซึ่งพลาดโอกาสมาชมในรอบแรกได้ดูกันอีกรึเปล่า

กินรีสีรุ้ง ถ่ายทอดเรื่องราวของนางโชว์เลื่องชื่อ ซึ่งทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกของชายที่ตนรักได้สมหวัง ซึ่งคุณผู้ชมจะได้ทั้งความสนุกสนาน ความอลังการของฉาก แสง สี เสียง รวมถึงแก่นของความเป็นครอบครัวไว้อย่างครบถ้วน เปิดแสดงตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 27 มิถุนายน ที่โรงละครรัชดาลัยเธียเตอร์.-สำนักข่าวไทย

ประวัติวง KARA ของประเทศเกาหลี



KARA คาร่า


KARA (คาร่า) เกิร์ลกรุ๊ปสุดฮอตของเกาหลี มีสมาชิก 5 คนประกอบไปด้วย ปาร์ค คยูริ หัวหน้าวงผู้เข้มแข็ง ฮัน ซึงยอน สาวมั่นมากความสามารถ ที่พกพาความสดใสมาเต็มพิกัด จอง นิโคล สาวน้อยจากแดนไกลที่แร๊พได้มันไม่แพ้ผู้ชาย คู ฮารา สาวช่างฝันที่ไม่ละความพยายาม และน้องเล็กสุดของวง คัง จียอง สาวน้อยสุดน่ารัก ที่ใคร ๆ ได้รู้จักจะต้องตกหลุมรักในความน่าเอ็นดูของเธอ

วง KARA เดบิวต์ครั้งแรกในวันที่ 29 มีนาคม ปี 2007 กับงานเพลงอัลบั้มแรก Blooming ที่เป็นส่วนผสมของแนวเพลง Funk , Hip-hop , Dance และ Pop โดยส่ง 2 ซิงเกิ้ลสุดฮิต Break It และ If U Wanna ออกมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆให้กับวงการเพลงเกาหลี จนวัยรุ่นทั่วประเทศสามารถจดจำภาพลักษณ์ของวง KARA ได้เป็นอย่างดี กับความสดใสน่ารัก และโชว์ที่มีพลังของพวกเธอ จากนั้นก็กลับมาอีกครั้งกับสมาชิกใหม่ของวงใน 1st Mini Album Rock-Uที่บ่งบอกถึงความน่ารักสดใสของพวกเธอได้เป็นอย่างดี

ปลายปี 2008 KARA ก็ได้ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ที่สดใสกว่าเดิมด้วยการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสที่มาพร้อมกับมินิอัลบั้มชุดที่สอง Pretty Girl โดยส่งซิงเกิ้ลสุดฮอต Pretty Girl มาสร้างสีสันในช่วงปลายปีให้คึกคัก พร้อมกับพาให้ Pretty Girl ติดชาร์ตเพลงอันดับ 1 ของรายการเพลงชั้นนำของเกาหลี

ในปี 2009 KARA ก็กลับมากับภาพลักษณ์ใหม่อีกครั้งจากสาวน้อยที่สดใสกลายมาเป็นเทพธิดาสุดอ่อนหวาน ที่แปลงโฉมให้ทั้ง 5 สาวดูโตขึ้น สวยใสและบริสุทธิ์ กับซิงเกิ้ลใหม่ Honey และอัลบั้มล่าสุด KARA Revolution ที่ปรับโฉมของทั้ง 5 สาวให้เซ็กซี่ขึ้นอีกครั้ง

เรื่องย่อ ละครดอกรักริมทาง




เรื่องย่อดอกรักริมทาง

อนุสร์ พัฒนปรีดี (วรรณรท สนธิไชย) ถูกเรียกตัวกลับเมืองไทยทันที เพื่อเปิดพินัยกรรมของอรรณพ (อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์) พ่อที่เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน แต่จิตรี (ปานวาด เหมมณี) ภรรยาใหม่กลับจัดพิธีศพอย่างรวบรัด แถมยังประกาศขายบ้านพ่อเธอทิ้ง อนุสร์จึงเหลือสมบัตอย่างเดียวคือฮั่งตู๋สุนัขแสนรู้ของพ่อ อนุสร์รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ระหว่างที่อนุสร์กำลังตามหาร่องรอยพินัยกรรม เธอกลับถูกทำร้ายเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็ทำให้ได้รู้ความจริงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแผนการชั่วร้ายนี้คือ จิตรและ สิทธิศักดิ์ (ชัยพล พูพาร์ต) คู่ขาหนุ่ม

ด้านปฐวี (สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว) ช่างภาพหนุ่มมีปากเสียงกับนวลจันทร์ (กาญจนา จินดาวัฒน์) แม่ และปวีณา (อลิชา ไล่ศัตรูไกล) พี่สาวอยู่บ่อย ๆ เพราะปฐวีคบหากับเจนจิรา (พิชญา เชาวลิต) ดาราที่โด่งดังจากการถ่ายเซ็กซี่ น้องสาวของจิตรี นวลจันทร์และปวีณามั่นใจว่าเจนจิราคบกับปฐวีเพื่อเงิน จึงพยายามจับคู่กับปฐวีกับพัดชา (จรินทร์พร จุนเกียรติ) ลูกสาวของไพลิน (ชนานา นุตาคม) และวินัย (ทรงสิทธิ์ รุ่นนพคุณศรี) เพื่อสนิท แต่ปฐวีรู้ทันเลยมักจะหาทางเลี่ยงเสมอ เจนจิราที่รู้ว่าจิตรีประกาศขายบ้านเลยเสนอให้ปฐวีซื้อไว้เพราะหวังจะใช้ เป็นเรือนหอ

นวลจันทร์จึงส่งป้าอุ้ง (โฉมฉาย ฉัตรวิไล) ไปอยู่บ้านใหม่กับปฐวีเพื่อคอยดูแล และกันท่าเจนจิราด้านอนุสร์ที่รู้ ว่ากำลังถูกตามล่า จึงปลอมตัวเป็นผู้ชายกลับมาที่บ้านพ่ออีกครั้ง และได้รู้ว่าจิตรีขายบ้านให้ปฐวีไปแล้ว แต่สุดท้ายอนุสร์ก็หาวิธีเข้าไปอยู่ในบ้านปฐวีได้สำเร็จ ในชื่อใหม่ว่าอนุชา หรืออู๊ด ปฐวีให้อู๊ดมาทำงานแทนทินกร (เตชบดินทร์ ฉายทองดี) ผู้ช่วยที่บังเอิญประสบอุบัติเหตุขาหัก

อนุสร์ลงมือสืบหาพินัยกรรมกับฮั่งตู๋สุนัขแสนรู้ทัน จนได้รู้ความจริงว่าพินัยกรรมฉบับจริงซ่อนอยู่ในภาพวาดของพ่อเธอ แต่อนุสร์ไม่รู้ว่าภาพไหน จึงเป็นหน้าที่ที่เธอต้องสืบหาโดยมีธัญญ์ (อนุชิต สพันธุ์พงษ์) เพื่อนรุ่นพี่คนเดียวที่อนุสร์ไว้ใจให้รู้เรื่องแผนการปลอมตัวของเธอ คอยช่วยเหลือ

เวลาผ่านไปหลังจากปฐวีและอู๊ดได้ใกล้ชิดกัน ปฐวีเริ่มมีความรู้สึกพิเศษกับอู๊ด และเริ่มสงสัยว่าตัวเองอาจจะกลายเป็นเกย์ ปฐวีเครียดจัดถึงขึ้นไปปรึกษาจิตแพทย์ บวกกับถูกเจนจิรารบเร้าเรื่องแต่งงานหนักเข้า ปฐวีเลยตัดสินใจแต่งงานกับเจนจิรา ท่ามกลางเสียงคัดค้านของแม่และพี่สาว

ส่วนอู๊ดที่แอบรักปฐวีมานานก็เสียใจมาก เก็บข้าวของออกจากบ้านปฐวีทันที แต่ก่อนไปอู๊ดแอบไปขโมยภาพวาดที่ออฟฟิสปฐวี แต่เกิดถูกจับได้ อู๊ดเลยโกหกว่าจริงๆแล้วตนคือคนที่อนุสร์จ้างให้มาสืบหาพินัยกรรมตัวจริง ปฐวีเชื่อสนิทใจจึงอาสาจะช่วยอู๊ดตามหาพินัยกรรมอีกแรง แต่จู่ๆ ภาพวาดทั้งหมดกลับถูกจิตรีและสิทธิศักดิ์ขโมยไปเผา แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันตามหาภาพวาดทั้งหมดกลับมาจนได้

หลังจากผ่าน เหตุการณ์ร้าย ๆ มาด้วยกัน ปฐวีมั่นใจว่าตนหลงรักอู๊ดเข้าให้แล้ว จึงตัดสินใจบอกเลิกกับเจนจิราทำให้เจนจิราเลือดขึ้นหน้าสั่งสิทธิศักดิ์ให้ ลักพาตัวอู๊ดไปฆ่าทิ้งทันที แผนการชั่วร้ายครั้ง นี้จะสำเร็จหรือไม่? ปฐวีจะมาช่วยอู๊ดได้ทันเวลามั้ย? ที่สำคัญอู๊ดจะตบ ตาทุกคนว่าเป็นผู้ชายต่อไปได้อีกนานแค่ไหน? ติดตามชมได้ใน ละครดอกรักริมทาง ออกอากาศทุกวันจันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ททบ. 5 ละครดอกรักริมทาง เริ่มตอนแรก วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2553

เหลือเชื่อสุดๆ

ประวัติกีฬาฟุตบอล

ฟุตบอล (Football) หรือซอคเก้อร์ (Soccer) เป็นกีฬาที่มีผู้สนใจที่จะชมการแข่งขันและเข้าร่วมเล่นมากที่สุดในโลก ชนชาติใดเป็นผู้กำเนิดกีฬาชนิดนี้อย่างแท้จริงนั้นไม่อาจจะยืนยันได้แน่นอนเพราะแต่ละชนชาติต่างยืนยันว่าเกิดจากประเทศของตน แต่ในประเทศฝรั่งเศสและประเทศอิตาลี ได้มีการละเล่นชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ซูเลอ" (Soule) หรือจิโอโค เดล คาซิโอ (Gioco Del Calcio) มีลักษณะการเล่นที่คล้ายคลึงกับกีฬาฟุตบอลในปัจจุบัน ทั้งสองประเทศอาจจะถกเถียงกันว่ากีฬาฟุตบอลถือกำเนิดจากประเทศของตน อันเป็นการหาข้อยุติไม่ได้ เพราะขาดหลักฐานยืนยันอย่างแท้จริง ดังนั้น ประวัติของกีฬาฟุตบอลที่มีหลักฐานที่แท้จริงสามารถจะอ้างอิงได้ เพราะการเล่นที่ม ีกติการการแข่งขันที่แน่นอน คือประเทศอังกฤษเพราะประเทศอังกฤษตั้งสมาคมฟุตบอลในปี พ.ศ. 2406 และฟุตบอลอาชีพของอังกฤษเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2431
วิวัฒนาการด้านฟุตบอลจะเป็นไปพร้อมกับความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์ตลอดมา ต้นกำเนิดกีฬาตะวันออกไกลจะได้รับอิทธิพลมาจากสงครามครั้งสำคัญๆ เช่นสงครามพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ได้นำเอา "แกลโล-โรมัน" (Gello-Roman) พร้อมกีฬาต่างๆ เข้ามาสู่เมืองกอล (Gaul) อันเป็นรากฐานส่วนหนึ่งของกีฬาฟุตบอลในอนาคต และการเล่นฮาร์ปาสตัม (Harpastum) ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นกีฬาซูเลอวิวัฒนาการของฟุตบอลภาคตะวันออกไกล
ขงจื้อได้กล่าวไว้ในหนังสือ "กังฟู" เกี่ยวกับกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาที่ใช้เท้าและศีรษะในสมัยจักรพรรดิ์ เซิงติ (Emperor Cneng Ti) (ปี 32 ก่อนคริสตกาล) มีการเล่นกีฬาที่คล้ายกับฟุตบอลซึ่งเรียกว่า"ซือ-ซู" (Tsu-Chu) ซึ่งหมายถึงการเตะลูกหนังด้วยเท้า กีฬาชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ซึ่งนักประพันธ์และนักประวัติศาสตร์ในสมัยนั้นได้ยกย่องผู้เล่นที่มีชื่อเสียงให้เป็นวีรบุรุษของชาติ และในสมัยเดียวกันได้มีการเล่นคล้ายฟุตบอลในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วยภาคตะวันออกกลาง
ในกรุงโรม ความเจริญของตะวันออกไกลได้แผ่ขยายถึงตะวันออกกลางโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอิทธิพลของสงครามโดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช การเล่นกีฬาชนิดหนึ่งเรียกว่า ฮาร์ปาสตัม เป็นกีฬาที่นิยมของชาวโรมันและชาวกรีกโบราณวิธีการเล่นคือ มีประตูคนละข้าง แล้วเตะลูกบอลไปยังจุดหมายที่ต้องการ เช่น จากหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง การเล่นจะเป็นการเตะ หรือการขว้างไปข้างหน้าฮาร์ปาสตัม หมายถึงการเหวี่ยงไปข้างหน้า การเล่นกีฬาฮาร์ปาสตัมในกรุงโรมดูเหมือนจะเป็นต้นกำเนิดของกีฬาซึ่งมีการเล่นในสมัยกลาง
ในการเล่นฮาร์ปาสตัม ขนาดของสนามจะเล็กกว่าสนามกีฬาซูเลอ แต่จุดประสงค์ของกีฬาทั้งสองคือ การนำลูกบอล ไปยังแดนของตน แต่เนื่องจากมีเสียงอึกทึกโครมครามจากการวิ่งแย่งลูกบอล ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้มากมาย อันเป็นข้อห้ามของพระเจ้า จึงมีพระบรมราชโองการในนามของพระเจ้าแผ่นดินห้ามเล่นกีฬาดังกล่าวในเมือง ผู้ฝ่าฝืนมีโทษถึงจำคุก นอกจากนี้ยังมีข้อห้ามซึ่งออกในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.1892 ขอให้เล่นยิงธนูในวันฉลองต่าง ๆ แทนการเล่นเกมฟุตบอล
ในโอกาสต่อมากีฬาฟุตบอลได้จัดให้มีการแข่งขันกันอีกครั้ง ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างทีมต่างๆ ที่อยู่ห่างกันประมาณ 3-4 ไมล์ ( 5-6.5 กิโลเมตร- )
ในปี พ.ศ. 2344 กีฬาชนิดนี้ได้ขัดเกลาให้ดีขึ้น มีการกำหนดจำนวนผู้เล่นให้เท่ากันในแต่ละข้าง ขนาดของสนามอยู่ในระหว่าง 80 - 100 หลา (73-91 เมตร) และมีประตูทั้งสองข้างที่ริมสุดของสนามซึ่งทำด้วยไม้ 2 อัน ห่างกัน 2-3 ฟุต
ในปี พ.ศ. 2366 ได้จัดให้มีการเล่นฟุตบอลในรูปแบบของการเล่นใน ปัจจุบัน William Alice คือผู้เริ่มวางกฎบังคับต่างๆ สำหรับกีฬาฟุตบอลและรักบี้ ในปี พ.ศ. 2393 ได้มีการออกระเบียบและกฎของการเล่นไปสู่ ดินแดนต่างๆ ให้ปฏิบัติตาม โดยจำกัดจำนวนผู้เล่นให้มีข้างละ 15-20 คน
ในปี พ.ศ. 2413 มีการกำหนดผู้เล่นให้เหลือข้างละ 11 คน โดยมีผู้เล่นกองหน้า 9 คน และผู้เล่นรักษาประตู 2 คน โดยผู้รักษาประตูใช้เท้าเล่นเหมือน 9 คนแรกจนกระทั่งให้เหลือผู้รักษาประตู 1 คน แต่อนุญาตให้ใช้มือจับลูกบอลได้ในปี พ.ศ. 2423
ในปี พ.ศ. 2400 สโมสรฟุตบอลได้ก่อตั้งเป็นครั้งแรกที่เมืองเซนพัสด์ประเทศอังกฤษ และต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2406 สโมสรฟุตบอล 11 แห่งได้มารวมกันที่กรุงลอนดอนเพื่อก่อตั้งสมาคมฟุตบอลขึ้น ซึ่งถือเป็นรากฐานในการกำเนิดสมาคมแห่งชาติ จนถึง 140 สมาคม และทำให้ผู้เล่นฟุตบอลต้องเล่นตามกฎและกติกาของสมาคมฟุตบอล จนเวลาผ่านไปจากคำว่าAssociation ก็ย่อเป็น Assoc และกลายเป็น Soccer ขึ้นในที่สุด ซึ่งนิยมเรียกกันในประเทศอังกฤษ แต่ชาวอเมริกันเรียกว่า Football หมายถึง American football
ภายนอกเกาะอังกฤษ พวกกะลาสีเรือ ทหาร พ่อค้า วิศวกร หรือแม้แต่นักบวชได้นำกีฬาชนิดนี้ไปเผยแพร่ ประเทศเดนมาร์กเป็นประเทศที่ 2 ในยุโรป
ในอเมริกาใต้ สโมสรแรกได้ถูกตั้งขึ้นในประเทศอาร์เจนตินา เมื่อพี่น้องชาวอังกฤษ 2 คน ได้ลงข้อความโฆษณาในหนังสือพิมพ์ของเมืองบูเอโนสไอเรส (Buenos Aires) เพื่อ หาผู้อาสาสมัคร ในปี พ.ศ. 2427 กีฬาฟุตบอลก็กลายมาเป็นวิชาหนึ่งในโรงเรียนของเมืองบูเอโนสไอเรส การแข่งขันระดับชาติครั้งแรกในทวีปอเมริกาใต้ คือ การแข่งขันระหว่างอาร์เจนตินากับอุรุกวัย ในปี พ.ศ.2448 แต่อเมริกาเหนือเริ่มแข่งขันเมื่อปี พ.ศ. 2435
ในอิตาลี ฮาร์ปาสตัมเป็นต้นกำเนิดจิโอโค เดล คาลซิโอ ผู้เล่นกีฬาจะเป็นผู้นำทางสังคมหรือแม้แต่ผู้นำชั้นสูงของศาสนา เช่นสันตปาปา เกลาเมนต์ที่ 7 ลีออนที่ 10 และเออร์เบนที่ 7เป็นถึงแชมเปี้ยนในกีฬาฟลอเรนไทน์ฟุตบอล ต่อมาชาวโรมันได้ดัดแปลงเกมการเล่นฮาร์ปาสตัมเสียใหม่ โดยกำหนดให้ใช้เท้าแตะลูกบอลเท่านั้น ส่วนมือให้ใช้เฉพาะการทุ่มลูกบอล ซึ่งนักรบชาวโรมัน นิยมเล่นกันมาก
กีฬาฮาร์ปาสตัมซึ่งมีต้นกำเนิดจากสมัยโรมันได้ถูกแปลงมาเป็นกีฬาซูลอหรือซูเลอ กีฬาชนิดนี้เหมือนกับฮาร์ปาสตัม คือ นำลูกบอลกลับไปยังแดนของตน แต่สนามมีขนาดกว้างกว่ามาก
การเล่นซูเลอมักจะมีขึ้นในบ่ายวันอาทิตย์หลังการสวดมนต์เย็น จะมีการแข่งขันสำคัญในช่วงเวลาดีคาร์นิวาล กีฬาชนิดนี้เป็นที่นิยมมากในเขตปริตานีและมอร์ลังดี กีฬานี้ได้ถูกเผยแพร่ไปยังอังกฤษโดยผู้ติดตามของวิลเลี่ยมผู้พิชิตภายหลัง การรบที่เฮสติ้ง (Hasting)
เมื่อ 900 ปีกว่ามาแล้ว ประเทศอังกฤษได้ตกอยู่ในความปกครองของพวกเคนส์ เชื้อสายโรมัน ซึ่งยกกองทัพมาตีหมู่เกาะอังกฤษตอนใต้ และได้ปกครองเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 1589 อังกฤษเริ่มเข้มแข็งขึ้น และสามารถขับไล่พวกเคนส์ออกจากประเทศได้ หลังจากนั้น 2-3 ปี อังกฤษจึงเริ่มปรับปรุงประเทศเป็นการใหญ่มีการขุดอุโมงค์ตามพื้นที่หลายแห่ง ซึ่งในการขุดอุโมงค์คนงานคนหนึ่งได้ขุดไปพบกะโหลกศีรษะในบริเวณที่เคยเป็นสนามรบ และเป็นที่ฝังศพของพวกเคนส์มาก่อนทุกคนในที่นั้นแน่ใจว่าเป็นกะโหลกศีรษะของพวกเคนส์ อารมณ์แค้นจึงเกิดขึ้นทันทีเมื่อต่างคนต่างคิดถึงเหตุการณ์ที่ถูกพวกเคนส์กดขี่ทารุณจิตใจคนอังกฤษในสมัยนั้นด้วยเหตุผลนี้ คนงานคนหนึ่งจึงเตะกะโหลกศีรษะนั้นทันที ส่วนคนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้นก็พากันหยุดงานชั่วคราว แล้วหันมาเตะกะโหลกศีรษะเป็นการใหญ่ เพื่อระบายอารมณ์แค้นที่เก็บไว้อย่างสนุกสนาน ผลที่สุดเมื่อพวกนี้หากะโหลกศีรษะเตะกันไม่ได้ก็เอาถุงลมของวัวมาทำเป็นลูกกลมขึ้นเตะแทนกะโหลกศีรษะ ปรากฏว่าเป็นที่รื่นเริงสนุกสนามกันมาก
ต่อมาชาวโรมันได้นำเกมนี้ไปเล่นในอังกฤษ จากนั้นชาวอังกฤษก็ได้ปรับปรุงวิธีการเล่นเทคนิคการเล่น ตลอดจนกติกาให้เหมือนในสมัยปัจจุบัน คือเกมฟุตบอลที่ใช้เท้าเล่นแต่ในระยะแรกของการเล่นฟุตบอลจะเล่นกันเป็นกลุ่มๆ เฉพาะพวกคนธรรมดาเท่านั้น ไม่มีการจำกัดจำนวนผู้เล่น ประตูจะห่างกันเป็นไมล์ และใช้เวลาในการเล่นหลายชั่วโมง จะเป็นการเล่นระหว่างทหารใหม่ที่ถูกเกณฑ์ นักบวช คนที่แต่งงานแล้ว คนโสด และพวกพ่อค้า เกมชนิดได้กลายเป็นสิ่งฉลองในงานพิธีต่างๆ เช่น ในวันโชรพ ทิวส์เดย์ (Shrove Tuesday) จะมีฟุตบอลนัดสำคัญให้คนได้ชม เกมในสมัยนั้นจะเล่นกันอย่างรุนแรงและมีการบาดเจ็บกันมาก
ในวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 1857 พระเจ้าเอ๊ดเวิร์ดที่ 2 ได้ทรงออกพระราชกฤษฎีกา เนื่องจากมีเสียงอึกทึกครึกโครมจาการวิ่งแย่งลูกบอล ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุมากมาย อันเป็นข้อห้ามของพระเจ้า โดยห้ามเล่นกีฬาดังกล่าว ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุก
ฟุตบอลได้เริ่มแข่งขันภายใต้กฎของสมาคมแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2412ระหว่างทีมรัตเกอร์กับทีมบรินท์ตัน จากนั้นกิจการฟุตบอลได้เจริญขึ้นช้าๆในต่างจังหวัดจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้มีการตั้งสมาคมฟุตบอลต่างจังหวัดขึ้นในปี พ.ศ. 2450 และมีการฝึกสอนในปี พ.ศ. 2484
ในทวีปเอเชีย อินเดียเป็นประเทศแรกที่เริ่มเล่นฟุตบอล ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยกัลกัตตาเป็นผู้นำสำเนากฎหมายการเล่นมาเผยแพร่ในปี พ.ศ. 2426 และในปี พ.ศ. 2435 ได้มีการแข่งขันชิงถ้วยรางวัลเป็นครั้งแรกในทวีปซึ่งยังไม่มีชื่อเสียงในด้านการเล่นฟุตบอล กีฬาชนิดนี้ก็ได้เริ่มมีการเล่นมาก่อนร่วมร้อยปีแล้ว เช่น สมาคมฟุตบอลแห่งนิวเซาท์เวลส์ ได้ถูกตั้งขึ้นในออสเตรเลีย ปี พ.ศ. 2425 และสมาคมฟุตบอลของนิวซีแลนด์ได้ถูกตั้งขึ้นหลังจากนั้น 9 ปี
ในแอฟริกา สมาคมระดับชาติแห่งแรกได้ถูกตั้งขึ้นในประเทศแอฟริกาใต้ แต่อียิปต์เป็นประเทศแรกที่มีการแข่งขันระดับชาติในปี พ.ศ. 2467 คือ 3 ปี หลังจากที่ได้ก่อตั้งสมาคมขึ้น และอียิปต์สามารถเอาชนะฮังการีได้ 3-0 ในกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส
การแข่งขันระดับชาติเป็นการแข่งขันระหว่างอังกฤษกับสกอตแลนด์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2415 และในปีแรกของศตวรรษที่ 20 โดยประเทศยุโรปอื่นๆ อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2447 กลุ่มประเทศต่างๆ ในแถบนี้ได้ประชุมกันที่ปารีสเพื่อตั้งสมาคมฟุตบอลนานาชาติขึ้น ในครั้งแรกก่อนการจัดตั้งสหพันธ์ 20 วัน สเปนและเดนมาร์กไม่เคยร่วมการแข่งขันระดับชาติมาก่อน และ 3 ประเทศใน 7 ประเทศที่เข้าร่วมประชุมยังไม่มีสมาคมฟุตบอลในชาติของตน แต่ฟีฟ่าก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยมา โดยมีสมาชิก 5 ชาติ ในปี พ.ศ. 2481 และ 73 ชาติ ในปี พ.ศ. 2493 และในปัจจุบันมีสมาชิกถึง 146 ประเทศ ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมของฟีฟ่า ทำให้ฟีฟ่าเป็นองค์การกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สมาพันธ์ประจำทวีปของสมาคมฟุตบอลแห่งแรกที่ตั้งขึ้นคือ Conmebol ซึ่งเป็นสมาพันธ์ของอเมริกาใต้ สมาพันธ์นี้ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อจัดตั้งเพื่อจัดการแข่งขันชิงชนะเลิศภายในทวีปอเมริกาใต้ ในปี พ.ศ. 2460 เกือบครึ่งศตวรรษ ต่อมาเมื่การแข่งขันภายในทวีปได้แพร่หลายมากขึ้น จึงได้มีการจัดตั้งสมาพันธ์ในทวีปอื่นๆ ขึ้นอีกคือสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป ในปี พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการจัดตั้งในทวีปเอเชีย และ 2 ปี ก่อนการจัดตั้งสมาคมฟุตบอลยุโรป ในปี พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการจัดตั้งสหพันธ์ฟุตบอลแห่งแอฟริกา (Concacaf)หรือสหพันธ์ฟุตบอลแห่งอเมริกากลาง อเมริกาเหนือและแคริบเบี้ยน ได้ถูกจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504 และน้องใหม่ในวงการฟุตบอลโลกคือ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งโอเชียนเนีย (Oceannir)สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (Federation International Football Association FIFA) ก่อตั้งขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2447 โดยสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศฝรั่งเศส และประเทศที่เข้าร่วมก่อตั้ง 7 ประเทศคือ ฝรั่งเศส เบลเยียม เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ สเปน สวีเดนและสวิตเซอร์แลนด์ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
สมาพันธ์ฟุตบอลที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ
1. Africa (C.A.F.) เป็นเขตที่มีสมาชิกมากที่สุด ได้แก่ ประเทศแอลจีเรีย ตูนิเซีย แซร์ ไนจีเรีย และซูดาน เป็นต้น
2. America-North and Central Caribbean (Concacaf) ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก คิวบา เอติ เอลซัลวาดอร์ กัวเตมาลา และฮอนดูรัส เป็นต้น
3. South America (Conmebol) ได้แก่ ประเทศเปรู บราซิล อุรุกวัย โบลิเวีย อาร์เจนตินา ชิลี เวเนซุเอลา อีคิวเตอร์ และโคลัมเบีย เป็นต้น
4. Asia (A.F.C.)เป็นเขตที่มีสมาชิกรองจากแอฟริกา ได้แก่ ประเทศไทย มาเลเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง เลบานอน อิสราเอล อิหร่าน จอร์แดน และเนปาล เป็นต้น
5. Europe (U.E.F.A.) เป็นเขตที่มีการพัฒนามากที่สุด ได้แก่ ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ฮังการี อิตาลี สกอตแลนด์ รัสเซีย สวีเดน สเปน และเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น
6. Oceannir เป็นเขตที่มีสมาชิกน้อยที่สุดและเพิ่งจะได้รับการแบ่งแยก ได้แก่ ประเทศออสเตรเลียนิวซีแลนด์ ฟิจิ และปาปัวนิวกินี เป็นต้น ซึ่งประเทศต่างๆ ที่เป็นสมาชิกต้องเสียค่าบำรุงเป็นรายปี ปีละ 300 ฟรังสวิสส์ หรือประมาณ 2,400 บาทสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชียในทวีปเอเชียมีการจัดตั้งสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเอเชีย (A.F.C.) เพื่อดำเนินการด้านฟุตบอล ดังนี้
พ.ศ. 2495 มีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากประเทศในเอเชียเข้ามาร่วมการแข่งขันด้วย จึงได้ปรึกษาหารือกันในการจัดตั้งสหพันธ์ฟุตบอลเอเชียขึ้น
พ.ศ. 2497 มีการแข่งขันเอเชียนเกมส์ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ก็ได้เริ่มตั้งคณะกรรมการจากชาติต่างๆ ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิก 12 ประเทศ
พ.ศ. 2501 มีการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก และมีประเทศเข้าร่วมเป็นสมาชิกรวมเป็น 35 ประเทศ
พ.ศ. 2509 ฟีฟ่าได้มองเห็นความสำคัญของ A.F.C. จึงได้กำหนดให้มีเลขานุการประจำในเอเชีย โดยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด รวมทั้งเงินเดือน และคนแรกที่ได้รับตำแหน่งคือ Khow Eve Turk
พ.ศ. 2517 ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ที่เตหะราน ประเทศอิหร่านได้มีการประชุมประเทศสมาชิก A.F.C.และที่ประชุมได้ลงมติขับไล่อิสราเอล ออกจากสมาชิก และให้จีนแดงเข้าเป็นสมาชิกแทน ทั้งๆ ที่จีนแดงไม่ได้เป็นสมาชิกของฟีฟ่า นับว่าเป็นการสร้างเหตุการณ์ที่ประหลาดใจให้กับบุคคลทั่วไปเป็นอย่างมากทั้งนี้เนื่องจากเหตุผลทางการเมือง
พ.ศ. 2519 มีการประชุมกันที่ประเทศมาเลเซีย ปรากฏว่าประเทศสมาชิกได้ลงมติให้ขับไล่ประเทศไต้หวันออกจากสมาชิก และให้รับจีนแดงเข้ามาเป็นสมาชิกแทน ทั้งๆ ที่ไต้หวันเป็นประเทศที่ร่วมกันก่อตั้งสหพันธ์ขึ้นมางานของสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย
1. ดำเนินการจัดการแข่งขันและควบคุม Asian Cup
2. ดำเนินการจัดการแข่งขันและควบคุม Asian Youth
3. ดำเนินการจัดการแข่งขันและควบคุมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
4. ดำเนินการจัดการแข่งขันและควบคุม Pre-Olympic
5. ดำเนินการจัดการแข่งขันและควบคุม World Youth
6. ควบคุมการแข่งขัน Kings Cup, President Cup, Merdeka, Djakarta Cupนอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากฟีฟ่าจัดส่งวิทยากรมาช่วยดำเนินการ
สรุปวิวัฒนาการของฟุตบอล
ก่อนคริสตกาล - อ้างถึงการเล่นเกมซึ่งเปรียบเสมือนต้นฉบับของกีฬาฟุตบอลที่เก่าแก่ที่ได้มีการค้นพบจากการเขียนภาษาญี่ปุ่น-จีน และในสมัยวรรณคดีของกรีกและโรมัน
ยุคกลาง - ประวัติบันทึกการเล่นในเกาะอังกฤษ อิตาลี และฝรั่งเศส
ปี พ.ศ. 1857 - พระเจ้าเอ๊ดเวิร์ดที่ 3 ทรงออกพระราชกฤษฎีกาห้ามเล่นฟุตบอลเพราะจะรบกวนการยิงธนู
ปี พ.ศ. 2104 - Richardo Custor อาจารย์สอนหนังสือชาวอังกฤษกล่าวถึงการเล่นว่า ควรกำหนดไว้ในบทเรียนของเยาวชน โดยได้รับอิทธิพลจาการเล่นกาลซิโอในเมืองฟลอเร้นท์
ปี พ.ศ. 2123 -Riovanni Party ได้จัดพิมพ์กติการการเล่นคาลซิโอ
ปี พ.ศ. 2223 -ฟุตบอลในประเทศอังกฤษได้รับพระบรมราชานุเคราะห์จากพระเจ้าชาร์ลที่ 2
ปี พ.ศ. 2391 -ได้มีการเขียนกฎข้อบังคับเคมบริดจ์ขึ้นเป็นครั้งแรก
ปี พ.ศ. 2406 -ได้มีการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลขึ้น
ปี พ.ศ. 2426 -สมาคมฟุตบอลจักรภพ 4 แห่ง ยอมรับองค์กรควบคุม และจัดตั้งกรรมการระหว่างชาติ
ปี พ.ศ. 2429 -สมาคมฟุตบอลเริ่มทำการฝึกเจ้าหน้าที่ที่จัดการแข่งขัน
ปี พ.ศ. 2431 -เริ่มเปิดการแข่งขันฟุตบอลลีก โดยยินยอมให้มีนักฟุตบอลอาชีพและเพิ่มอำนาจการควบคุมให้ผู้ตัดสิน
ปี พ.ศ. 2432 -สมาคมฟุตบอลส่งทีมไปแข่งขันในต่างประเทศ เช่น เยอรมันไปเยือนอังกฤษ
ปี พ.ศ. 2447 - ก่อตั้งฟีฟ่า ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่กรุงปารีส เมื่อ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2447 โดยสมาคมแห่งชาติคือ ฝรั่งเศส เบลเยียม เดนมาร์ก สเปน สวีเดน และสวิตเซอร์แลนด์
ปี พ.ศ. 2480 - 2481 -ข้อบังคับปัจจุบันเขียนขึ้นตามระบบใหม่ขององค์กรควบคุมโดยใช้ข้อบังคับเก่ามาเป็นแนวทาง


ประวัติฟุตบอลในประเทศไทย
กีฬาฟุตบอลในประเทศไทย ได้มีการเล่นตั้งแต่สมัย "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสิทร์ เนื่องจากสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ได้ส่งพระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าหลานยาเธอ และข้าราชบริพารไปศึกษาวิชาการด้านต่างๆ ที่ประเทศอังกฤษ และผู้ที่นำกีฬาฟุตบอลกลับมายังประเทศไทยเป็นคนแรกคือ"เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)" หรือ ที่ประชนชาวไทยมักเรียกชื่อสั้นๆว่า "ครูเทพ" ซึ่งท่านได้แต่งเพลงกราวกีฬาที่พร้อมไปด้วยเรื่องน้ำใจนักกีฬาอย่างแท้จริง เชื่อกันว่าเพลงกราวกีฬาที่ครูเทพแต่งไว้นี้จะต้องเป็น "เพลงอมตะ" และจะต้องคงอยู่คู่ฟ้าไทย
เมื่อปี พ.ศ. 2454-2458 ท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการครั้งแรก เมื่อท่านได้นำฟุตบอลเข้ามาเล่นในประเทศไทยได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆมากมาย โดยหลายคนกล่าวว่า ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ไม่เหมาะสมกับประเทศที่มีอากาศร้อนเหมาะสมกับประเทศที่มีอากาศหนาวมากกว่าและเป็นเกมที่ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้เล่นและผู้ชมได้ง่ายซึ่งข้อวิจารณ์ดังกล่าวถ้ามองอย่างผิวเผินอาจคล้อยตามได้ แต่ภายหลังข้อกล่าวหาดังกล่าวก็ได้ค่อยหมดไปจนกระทั่งกลายเป็น กีฬายอดนิยมที่สุดของประชาชนชาวไทยและชาวโลกทั่วทุกมุมโลก ซึ่งมีวิวัฒนาการดังกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงข้อมูลต่อไปนี้พ.ศ. 2440 รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จนิวัติพระนคร กีฬาฟุตบอลได้รับความสนใจมากขึ้นจากบรรดาข้าราชการบรรดาครูอาจารย์ ตลอดจนชาวอังกฤษในประเทศไทยและผู้สนใจชาวไทยจำนวนมากขึ้นเป็นลำดับกอร์ปกับครูเทพท่านได้เพียรพยายามปลูกฝังการเล่นฟุตบอลในโรงเรียนอย่างจริงจังและแพร่หลายมากในโอกาสต่อมา พ.ศ. 2443 (รศ. 119) การแข่งขันฟุตบอลเป็นทางการครั้งแรกของไทยได้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2443 (รศ. 119) ณ สนามหลวง ซึ่งเป็นสถานที่ออกกำลังกายและประกอบงานพิธีต่างๆการแข่งขันฟุตบอลคู่ประวัติศาสตร์ของไทย ระหว่าง "ชุดบางกอก" กับ "ชุดกรมศึกษาธิการ" จากกระทรวงธรรมการหรือเรียกชื่อการแข่งขันครั้งนี้ว่า"การแข่งขันฟุตบอลตามข้อบังคับของแอสโซซิเอชั่น" เพราะสมัยก่อนเรียกว่า "แอสโซซิเอชั่นฟุตบอล" (ASSOCIATIONS FOOTBALL) สมัยปัจจุบันอาจเรียกได้ว่า "การแข่งขันฟุตบอลของสมาคม"หรือ "ฟุตบอลสมาคม" ผลการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษดังกล่าวปรากฏว่า "ชุดกรมศึกษาธิการ" เสมอกับ"ชุดบางกอก" 2-2 (ครึ่งแรก 1-0) ต่อมาครูเทพท่านได้วางแผนการจัดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียนอย่างเป็นทางการพร้อมแปลกติกาฟุตบอลแบบสากลมาใช้ในการแข่งขันฟุตบอลนักเรียนครั้งนี้ด้วยพ.ศ. 2444 (รศ. 120) หนังสือวิทยาจารย์ เล่มที่ 1 ตอนที่ 7 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2444 ได้ตีพิมพ์เผยแพร่เรื่องกติกาการแข่งขันฟุตบอลสากลและการแข่งขันอย่างเป็นแบบแผนสากลการแข่งขันฟุตบอลนักเรียนครั้งแรกของประเทศไทยได้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2444 นี้ ผู้เข้าแข่งขันต้องเป็นนักเรียนชายอายุไม่เกิน 20 ปี ใช้วิธีจัดการแข่งขันแบบน็อกเอาต์ หรือแบบแพ้คัดออก (KNOCKOUT OR ELIMINATIONS) ภายใต้การดำเนินการจัดการแข่งขันของ "กรมศึกษาธิการ" สำหรับทีมชนะเลิศติดต่อกัน 3 ปี จะได้รับโล่รางวัลเป็นกรรมสิทธิ์พ.ศ. 2448 (รศ. 124) เดือนพฤศจิกายน สามัคยาจารย์ สมาคม ได้เกิดขึ้นครั้งแรกเป็นการแข่งขันฟุตบอลของบรรดาครูและสมาชิกครู โดยใช้ชื่อว่า "ฟุตบอลสามัคยาจารย์"พ.ศ. 2450-2452 (รศ. 126-128) ผู้ตัดสินฟุตบอลชาวอังชื่อ "มร.อี.เอส.สมิธ" อดีตนักฟุตบอลอาชีพได้มาทำการตัดสินในประเทศไทย เป็นเวลา 2 ปี ทำให้คนไทยโดยเฉพาะครู-อาจารย์ และผู้สนใจได้เรียนรู้กติกาและสิ่งใหม่ๆเพิ่มขึ้นมากพ.ศ. 2451 (รศ. 127) มีการจัดการแข่งขัน "เตะฟุตบอลไกล" ครั้งแรกพ.ศ. 2452 (รศ. 128) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงสวรรคต เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2452 นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของผู้สนับสนุนฟุตบอลไทยในยุคนั้นซึ่งต่อมาในปีนี้ กรมศึกษาธิการก็ได้ประกาศใช้วิธีการแข่งขัน "แบบพบกันหมด" (ROUND ROBIN) แทนวิธีจัดการแข่งขันแบบแพ้คัดออกสำหรับคะแนนที่ใช้นับเป็นแบบของแคนาดา (CANADIAN SYSTEM) คือ ชนะ 2 คะแนน เสมอ 1คะแนน แพ้ 0 คะแนน และยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบันต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 พระองค์ทรงมีความสนพระทัยกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างยิ่งถึงกับทรงกีฬาฟุตบอลเอง และทรงตั้งทีมฟุตบอลส่วนพระองค์เองชื่อทีม "เสือป่า" และได้เสด็จพระราช ดำเนินประทับทอดพระเนตรการแข่งขันฟุตบอลเป็นพระราชกิจวัตรเสมอมาโดยเฉพาะมวยไทยพระองค์ทรงเคย ปลอมพระองค์เป็นสามัญชนขึ้นต่อยมวยไทยจนได้ฉายาว่า"พระเจ้าเสือป่า" พระองค์ท่านทรงพระปรีชาสามารถมาก จนเป็นที่ยกย่องของพสกนิกรทั่วไปจนตราบเท่าทุกวันนี้จากพระราชกิจวัตรของพระองค์รัชกาลที่ 6 ทางด้านฟุตบอลนับได้ว่าเป็นยุคทองของไทยอย่างแท้จริงอีกทั้งยังมีการเผยแพร่ข่าวสาร หนังสือพิมพ์ และบทความต่างๆทางด้านฟุตบอลดังกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงข้อมูลต่อไปนี้พ.ศ. 2457 (รศ. 133) พระยาโอวาทวรกิจ" (แหมผลพันชิน) หรือนามปากกา "ครูทอง" ได้เขียนบทความกีฬา"เรื่องจรรยาของผู้เล่นและผู้ดูฟุตบอล" และ "คุณพระวรเวทย์ พิสิฐ" (วรเวทย์ ศิวะศริยานนท์) ได้เขียนบทความกีฬา "เรื่องการเล่นฟุตบอล" และ "พระยาพาณิชศาสตร์วิธาน" (อู๋ พรรธนะแพทย์) ได้เขียนบทความกีฬาที่ประทับใจชาวไทยอย่างยิ่ง "เรื่องอย่าสำหรับนักเลงฟุตบอล"พ.ศ. 2458 (รศ. 134) ประชาชนชาวไทยสนใจกีฬาฟุตบอลอย่างกว้างขวาง เนื่องจาก กรมศึกษาธิการได้พัฒนาวิธีการเล่น วิธีจัดการแข่งขัน การตัดสิน กติกาฟุตบอลที่สากลยอมรับตลอดจนระเบียบการแข่งขันที่รัดกุมยิ่งขึ้น และผู้ใหญ่ในวงการให้ความสนใจอย่างแท้จริงนับตั้งแต่พระองค์รัชกาลที่ 6 เองลงมาถึงพระบรมวงศานุวงศ์จนถึงสามัญชน และชาวต่างชาติ และในปี พ.ศ. 2458 จึงได้มีการแข่งขันฟุตบอลประเภทสโมสรครั้งแรกเป็นการชิงถ้วยพระราชทานและเรียกชื่อการแข่งขันฟุตบอลประเภทนี้ว่า "การแข่งขันฟุตบอลถ้วยทองของหลวง" การแข่งขันฟุตบอลสโมสรนี้เป็นการแข่งขันระหว่างทหาร-ตำรวจ-เสือป่า ซึ่งผู้เล่นจะต้องมีอายุเกินกว่าระดับทีมนักเรียน นับว่าเป็นการเพิ่มประเภทการแข่งขันฟุตบอลราชกรีฑาสโมสร หรือสปอร์ตคลับ นับได้ว่าเป็นสโมสรแรกของไทยและเป็นศูนย์รวมของชาวต่างประเทศในกรุงเทพฯ ซึ่งยังอยู่ในปัจจุบัน และสโมสรสปอร์ตคลับเป็นศูนย์กลางของกีฬาหลายประเภท โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอลได้มีผู้เล่นระดับชาติจากประเทศอังกฤษมาเข้าร่วมทีมอยู่หลายคนเช่น มร.เอ.พี.โคลปี. อาจารย์โรงเรียนราชวิทยาลัย นับได้ว่าเป็นทีมฟุตบอลที่ดี มีความพร้อมมากทั้งทางด้านผู้เล่นงบประมาณและสนามแข่งขันมาตรฐาน จึงต้องเป็นเจ้าภาพให้ทีมต่างๆของไทยเรามาเยือนอยู่เสมอทำให้วงการฟุตบอลไทยในยุคนั้นได้พัฒนายิ่งขึ้น และรัชกาลที่ 6 ทรงสนพระทัยโดยเสด็จมาเป็นองค์ประธานพระราชทานรางวัลเป็นพระราชกิจวัตร ทำให้ประชาชนเรียกการแข่งขันสมัยนั้นว่า"ฟุตบอลหน้าพระที่นั่ง" และระหว่างพักครึ่งเวลามีการแสดง "พวกฟุตบอลตลกหลวง"นับเป็นพิธีชื่นชอบของปวงชนชาวไทยสมัยนั้นเป็นอย่างยิ่ง และการแข่งขันฟุตบอลสโมสรครั้งแรกนี้ มีทีมสมัครเข้าร่วมแข่งขันจำนวน 12 ทีม ใช้เวลาในการแข่งขัน 46 วัน (11 ก.ย.-27 ต.ค. 2458) จำนวน 29 แมตช์ ณ สนามเสือป่า ถนนหน้าพระลาน สวนดุสิต กรุงเทพมหานครหรือสนามหน้ากองอำนวนการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติปัจจุบันพระองค์รัชกาลที่ 6 ได้ทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการแข่งขันนับว่าฟุตบอลไทยมีระบบในการบริหารมานานนับถึง 72 ปีแล้วความเจริญก้าวหน้าของฟุตบอลภายในประเทศได้แผ่ขยายกว้างขวางทั่วประเทศไปสู่สโมสรกีฬา-ต่างจังหวัดหรือชนบทอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นที่นิยมกันทั่วไปภายใต้การสนับสนุนของรัชกาลที่ 6 และพระองค์ท่านทรงเล็งเห็นกาลไกลว่าควรที่ตะตั้งศูนย์กลางหรือสมาคมอย่างมีระบบแบบแผนที่ดีโดยมีคณะกรรมการบริหารสมาคมและทรงมีพระบรมราชโองการก่อตั้ง "สโมสรคณะฟุตบอลสยาม" ขึ้นมาโดยพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ทรงเล่นฟุตบอลเองรัชกาลที่ 6 ได้ทรงมีวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งสยามดังนี้คือ 1. เพื่อให้ผู้เล่นฟุตบอลมีพลานามัยที่สมบูรณ์ 2. เพื่อก่อให้เกิดความสามัคคี 3. เพื่อก่อให้เกิดไหวพริบและเป็นกีฬาที่ประหยัดดี 4. เพื่อเป็นการศึกษากลยุทธ์ในการรุกและการรับเช่นเดียวกับกองทัพทหารหาญจากวัตถุประสงค์ดังกล่าว นับเป็นสิ่งที่ผลักดันให้สมาคมฟุตบอลแห่งสยามดำเนินกิจการเจริญก้าวหน้ามาจนตราบถึงทุกวันนี้ ซึ่งมีกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงข้อมูลดังนี้ พ.ศ. 2458 (ร.ศ. 134) การแข่งขันระหว่างชาติครั้งแรกของประเทศไทย เมื่อวันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2458 ณ สนามราชกรีฑาสโมสร(สนามม้าปทุมวันปัจจุบัน) ระหว่าง "ทีมชาติสยาม" กับ "ทีมราชกรีฑาสโมสร" ต่อหน้าพระที่นั่ง และมี "มร.ดักลาส โรเบิร์ตสัน" เป็นผู้ตัดสิน ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่าทีมชาติสยามชนะทีมราชกรีฑาสโมสร 2-1 ประตู (ครึ่งแรก 0-0) และครั้งที่ 2 เมื่อวันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2458เป็นการแข่งขันระหว่างชาตินัดที่ 2 แบบเหย้าเยือนต่า หน้าพระที่นั่ง ณ สนามเสือป่าสวนดุสิตและผลปรากฏว่า ทีมชาติสยามเสมอกับทีมราชกรีฑา สโมสร หรือทีมรวมต่างชาติ 1-1 ประตู (ครึ่งแรก 0-0)สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย(THE FOOTBALL ASSOCIATION OF THAILAND) มีวิวัฒนาการตามลำดับต่อไปนี้พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งสยามขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน พุทธศักราช 2459และตราข้อบังคับขึ้นใช้ในสนามฟุตบอลแห่งสยามด้วยซึ่งมีชื่อย่อว่า ส.ฟ.ท. และเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า "THE FOOTBALL ASSOCIATION OF THAILANDUNDER THE PATRONAGE OF HIS MAJESTY THE KING" ใช้อักษรย่อว่า F.A.T.และสมาคมฯ จัดการแข่งขันถ้วยใหญ่และถ้วยน้อยเป็นครั้งแรกในปีนี้ด้วยพ.ศ. 2468 เป็นภาคีสมาชิกสมาพันธ์ฟุตบอลระหว่างชาติ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พุทธศักราช 2468 ชุดฟุตบอลเสือป่าพรานหลวง ได้รับถ้วยของพระยาประสิทธิ์ศุภการ (เจ้าพระยารามราฆพ) ซึ่งเล่นกับชุดฟุตบอลกรมทหารรักษาวัง เมื่อ พ.ศ. 2459-2460 ได้รับไว้เป็นกรรมสิทธิ์ โดยชนะ 2 ปีติดต่อกันรายนามผู้เล่น1. ผัน ทัพภเวส 2. ครูเพิ่ม เมษประสาท (พระดรุณรักษา) 3. ครูเธียร วรธีระ (หลวงวิเศษธีระการ) 4. จรูญฯ (พระทิพย์จักษุศาสตร์) 5. ก้อนดิน ราหุลหัต (หลวงศิริธารา) 6. ครูสำลี จุโฬฑก (หลวงวิศาลธีระการ) 7. ครูหับ ปีตะนีละผลิน (หลวงประสิทธิ์นนทเวท) 8. ตุ๋ย ศิลปี (หลวงจิตร์เจนสาคร) 9. แฉล้ม กฤษณมระ (พระประสิทธิ์บรรณสาร) 10. จิ๋ว รามนัฎ (หลวงยงเยี่ยงครู) 11. ลิ้ม ทูตจิตร์ (พระวิสิษฐ์เภสัช)ชุดฟุตบอลสโมสรกรมหรสพ ได้รับพระราชทาน "ถ้วยใหญ่" ของสมาคมฟุตบอลแห่งสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2459รายนามผู้เล่น 1. ครูเพิ่ม เมษประสาท (พระดรุณรักษา) 2. ครูเธียร วรธีระ (หลวงวิเศษธีระการ) 3. เจ็ก สุนทรกนิษฐ์4. บุญ บูรณรัฎ 5. ใหญ่ มิลินทวณิช (หลวงมิลินทวณิช) 6. ครูหับ ปีตะนีละผลิน (หลวงประสิทธิ์นนทเวท) 7. ผัน ทัพภเวส 8. ถม โพธิเวช9. แฉล้ม พฤษณมระ (พระประสิทธิ์บรรณสาร) 10. หลวงเยี่ยงครู (ถือถ้วยใหญ่) 11. เกิด วัชรเสรี (ขุนบริบาลนาฎศาลา)พ.ศ. 2499 การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ครั้งที่ 3 และเรียกว่าข้อบังคับ ลักษณะปกครอง พ.ศ. 2499 สมาคมฟุตบอลฯ ได้สิทธิ์ส่งทีมฟุตบอลชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขัน "กีฬาโอลิมปิก" ครั้งที่ 16 นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน เมื่อวันที่ 26พฤศจิกายน พุทธศักราช 2499 ณ นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย พ.ศ. 2500 เป็นภาคีสมาชิกสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย ซึ่งมีชื่อย่อว่า เอเอฟซี และเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า"ASIAN FOOTBALL CONFEDERATION" ใช้อักษรย่อว่า A.F.C.พ.ศ. 2501 การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับลักษณะปกครอง ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2503 การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับลักษณะปกครอง ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2504-ปัจจุบันสมาคมฟุตบอลฯได้จัดการแข่งขันฟุตบอลถ้วยน้อย และถ้วยใหญ่ซึ่งภายหลังได้จัดการแข่งขันแบบเดียวกันของสมาคมฟุตบอลอังกฤษคือจัดเป็นประเภทถ้วยพระราชทาน ก, ข, ค, และ ง และยังจัดการแข่งขันประเภทอื่นๆ อีกเช่น ฟุตบอลนักเรียน ฟุตบอลเตรียมอุดม ฟุตบอลอาชีวะ ฟุตบอลเยาวชนและอนุชน ฟุตบอลอุดมศึกษา ฟุตบอลเอฟเอ คัพ ฟุตบอลควีส์ คัพ ฟุตบอลคิงส์คัพ เป็นต้น ฯลฯ นอกจากนี้ยังได้จัดการแข่งขันและส่งทีมเข้าร่วมกับทีมนานาชาติมากมายจนถึงปัจจุบันพ.ศ. 2511 สมาคมฟุตบอลได้สิทธิ์ส่งทีมฟุตบอลชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งที่ 2เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2511 ณ ประเทศเม็กซิโกพ.ศ. 2514 การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับลักษณะปกครอง ครั้งที่ 6 ชุดฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดแรกที่เดินทางไปแข่งขัน "กีฬาโอลิมปิก"ครั้งที่ 16 ณ นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2499พ.ศ. 2531 สมาคมฟุตบอลฯ ได้มีโครงการจัดการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศ รวมทั้งเชิญทีมต่างประเทศเข้าร่วมแข่งขัน และส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันในต่างประเทศตลอดปี

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553